คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

William Harvey : วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์ (ค.ศ.1578-1659)


William Harvey : วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์ นายแพทย์ชาวอังกฤษ  ผู้เป็นคนแรกที่อธิบายเรื่องระบบการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์  ในศตวรรษที่ 16  ซึ่งเป็นความรู้ใหม่ในยุคนั้น  และสร้างคุณูปการต่อการศึกษาวิชาแพทย์ศาสาตร์มาจนถึงปัจจุบัน

วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์ เกิดวันที่ 1 เมษายน ค.ศ.1579 ที่ Folkestone ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นผู้พิพากษาที่ทำงานในสำนักงานนายกเทศมนตรี  ในวัยเยาว์..ฮาร์วีย์เป็นเด็กที่ฉลาด..และเก่งในภาษาละติน ในปี 1953 เขาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Gonville and Caius College in Cambridge) และจบการศึกษาศิลปศาสตร์บัณฑิต (Bachelor of Arts) จาก Caius ในปี 1597 และออกเดินทางไปฝรั่งเศส  เยอรมันและอิตาลี  โดยฮาร์วีย์ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวัทยาลัยปาตัว (University of Padua) ปี 1599 และได้กลายเป็นศิษย์คนใกล้ชิดของ Aquapendente (ผู้บุกเบิกวิชากายวิภาคศาสตร์และศัลยแพทย์ชาวอิตาลี) จนในปี 1602 ฮาร์วีย์ก็ได้จบการศึกษาจากมหาวิยาลัยปาตัว  และเป็นศัลยแพทย์ด้วยวัยเพียง 24 ปี หลังจากนั้น..เขาเดินทางกลับอังกฤษ..เพื่อรับปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์  และเข้าทำงานในโรงพยาบาลเซนต์บาร์โธโรมิว (St Bartholomew's Hospital) ในกรุงลอนดอน และในปี 1615 ฮาร์วีย์ได้เริม..เดินทางไปบรรยายเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางกายวิภาคศาสตร์ไปทั่วอังกฤษ

ภาพ สเก็ตหลอดเลือดที่แขนโดย วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์

การค้นพบที่สำคัญ : ในปีค.ศ. 1616  วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์สังเกตเห็นว่า..วัวที่ถูกเชือด..หากปล่อยให้เลือดไหลไปเรื่อยๆ สักพักเลือดก็จะหยุดไหล..แสดงให้เห็นว่าเลือดนั้นมีปริมาณจำกัด เขาจึงสันนิษฐานว่า " เลือดจะต้องไหลเวียนเป็นวงจรปิด "  ดังนั้น  เขาจึงเริ่มต้นศึกษาด้วยการผ่าศพอย่างละเอียด..และค้นพบความจริงว่า..ไม่มีรูที่ผนังหัวใจ..เพื่อให้เลือดไหลจากหัวใจซึกขวา..ไปยังหัวใจซึกซ้าย  ตามที่ Galenus : 131-201 แพทย์ชาวกรีกโบราณกล่าวเอาไว้  และฮาร์วีย์ยังได้เฝ้าสังเกตหัวใจของสัตว์ที่กำลังจะตาย..และทดลองผูกหลอดเลือด..เพื่อดูทิศทางการไหลของเลือด..จนค้นพบว่าหลอดเลือดดำ คือ เส้นทางที่นำเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ  ดังนั้น เขาจึงได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ An Anatomical Exercise On The Motion of The Heart and Blood in Animals (1628) ที่เสนอว่า..หัวใจของคนเรานั้นทำหน้าที่เหมือนกับปั้มน้ำ  เพื่อปั้มโลหิตให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย  ซึ่งเป็นระบบไหลเวียนแบบวงจรปิด  โดยเริ่มต้นจากหลอดเลือดหัวใจซึกขวาไปยังปอด   และไหลเวียนไปตามอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายทางหลอดเลือดแดง (artery) หลังจากนั้นเลือดจะไหลกลับเข้าสู่หัวใจซึกขวาทางหลอดเลือดดำ (vein) นั่นเอง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือสรีรวิทยาที่สำคัญที่สุดของวงการแพทย์ในเวลาต่อมา  และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่องกายวิภาคอย่างมาก  นอกจากนี้..ฮาร์วีย์ยังได้สร้างคุณูปการต่อการศึกษาเรื่องตัวอ่อนในครรภ์ (Embryos) ของสัตว์อีกด้วย

วิลเลี่ยม ฮาร์วีย์ เสียชีวิตที่โรแฮมป์ตัน (Roehampton) ในบ้านของพี่ชายของเขา ในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ.1659 ด้วยอาการสมองตกเลือดและโรคเกาต์  และร่างของเขาถูกนำไปฝั่งที่ Hempstead , Essex ตรงกลางระหว่างหลุมศพหลานสาวทั้งสองที่รักของเขา

หมายเหตุ : หัวใจจะฉีดเลือดออกมา 0.56 กก. และหัวใจจะเต้นเฉลี่ยนาทีละ 72 ครั้ง คำนวนง่ายๆ คือ ใน 1 นาทีจะมีเลือดออกจากหัวใจ 0.56 x 72 = 40.32 กก. ถ้าคิดเป็น 1 ชั่วโมงจะได้ 40.32 x 60 = 2,419.2 กก. ซึ่งมากกว่าน้ำหนักของตัวมนุษย์หลายเท่า  ด้วยเหตุนี้  การเสียเลือดในจำนวนมากๆจึงทำให้ถึงแก่ความตายได้

Tommaso Campanella : ธอมมาโช แคมปาเนลล่า (ค.ศ.1568-1639)


Tommaso Campanella : ธอมมาโช แคมปาเนลล่า นักปรัชญา  นักทฤษฏีการเมือง และบาทหลวงคณะโดมินิกัน  ผู้มีแนวคิดสังคมนิยมแบบ " ยูโทเปีย " (Thomas More) และได้ชื่อว่าเป็น " ทัณฑนิพนธ์ " ที่ยิ่งใหญ่..ซึ่งใช้เวลาส่วนมากในชีวิต..อยู่ในคุกเขียนหนังสือ..และต่อสู้ทางการเมือง

ธอมมาโช แคมปาเนลล่า เกิดในครอบครัวคนยากจน..จากเมืองสตีโล (Stilo) กาลาบรียา (Calabria) ประเทศอิตาลี  แต่กระนั้น..แคมปาเนลล่าก็เป็นเด็กอัจฉริยะ..แม้จะไม่มีโอกาสได้เล่าเรียนหนังสือ  ในปี ค.ศ.1583  เขาเข้าบวชเป็นพระในคณะนิกายโดมินิกันที่นครเนเปิลส์  และเริ่มศึกษาคำสอนของแบร์นาร์ ดีโน เทเลซิโอ (Bernardino Telesio : นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติชาวอิตาลี) ที่ต่อต้านลัทธิอริสโตเติล ในปี 1592  จนเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต..และถูกศาลศาสนาพิพากษา..ให้ออกจากเมืองเนเปิลส์  และลี้ภัยไปอยู่ทางเหนือ  ซึ่งในระหว่างปี 1593-95 แคมปาเนลล่าถูกจำคุก..หลายครั้ง..ด้วยข้อกล่าวหามากมาย  เมื่อถูกปล่อยตัวจากคุกในปี 1595 แคมปาเนลล่ากลับมาตั้งรกราก..ในโบสถ์เล็กๆที่เมืองสตีโลบ้านเกิด  และเริ่มดำเนินกิจกรรมลับ..เพื่อปลดแอกอิตาลีจากการปกครองของสเปน..ที่นำไปสู่การนองเลือด..ด้วยการปราบปรามอย่างป่าเถื่อนของฝ่ายรัฐบาล  โดยแคมปาเนลล่าถูกจับกุมตัวและถูกพิพากษาให้จำคุก 24 ปีในคุกใต้ดินเนเปิลส์  และในช่วงเวลา..นี้เอง ที่เขาได้เขียนผลงานวรรณกรรม..ดีๆออกมามากมาย


ภาพ  Metaphysica , 1638

งานเขียนสำคัญ : อภิปรัชญา (Metaphysica), ราชาธิปไตยของพระเจ้า/ผู้ปลดปล่อย (Monarchia Messiac), อเทววิทยาพ่าย (Atheismus triumphatus), การแก้ต่างของกาลิเลโอ (Apologia pro Galileo), และงานเขียนชิ้นอุโฆษที่สุดของแคมปาเนลล่าคือ สุริยนคร (Civitas solis หรือ The City of the Sun) ที่นำเสนออุดมคติทางการเมือง  การปกครอง..โดยอิงอาศัยแนวความคิดแบบอุตมรัฐ (Republic) ของเพลโต ซึ่งแคมปาเนลล่าได้เขียน The City of the Sun เสร็จสมบูรณ์ในปี 1623 (โดยยึดหลักการสำคัญว่า..สันติสุขและความผาสุขจะบังเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเอกภาพ)

ในปี ค.ศ.1623 แคมปาเนลล่าถูกปล่อยตัว..โดยคำสั่งของอุปราชสเปน  และเดินทางไปกรุงโรม..แต่เขาก็ต้องถูกจำคุกอีกครั้ง..เพราะแสดงตัวปกป้องแนวคิดของกาลิเลโออย่างเปิดเผย..และมีทรรศนะที่เป็นศัตรูกับสเปนอย่างตรงไปตรงมา ไม่นานหลังจาก..ได้รับการปล่อยตัวในปี 1639  แคมปาเนลล่าได้ลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส..ที่นั้นเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี..จากแวดวงนักวิชาการและราชสำนักฝรั่งเศส  และพิมพ์เผยแพร่งานเขียนหลายๆเล่ม  จนกระทั้งแคมปาเนลล่าสิ้นชีวิตลง..เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ.1693

เรื่องสั้น : Layla : ตำนานรักสะทานวงการร็อค


“ กูรักเมียมึงว่ะ... แฮร์ริสัน  มึงจะว่าไงวะ ”

ในกลางงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง  แคลปตันเดินดุ่มๆเข้าไปหาเพื่อนรัก  และยิงคำถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส...พรางจ้องมองอย่างไม่กระพริบตา    

นับเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างไม่อาจหลีกได้อีกต่อไป  ของสองมือกีตาร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ  อีริค  แคลปตัน และ จอร์จ  แฮร์ริสัน (แห่งวงเดอะบีทเทิลส์) ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและอุปสรรค์ขวางกั้นหัวใจกันตลอดมา  ซึ่งครั้งนี้  แคลปตันยอมเสี่ยงวัดใจแลกเอาระหว่างมิตรภาพกับความรักที่เขามีต่อภรรยาของเพื่อน..... อ่านต่อที่นี่ http://piyarith-tell.blogspot.com/2014/04/layla.html 

William Shakespeare : วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ (ค.ศ.1564-1616)


William Shakespeare : วิลเลี่ยม เชคสเปียร์  กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ  ที่ได้รับการยกย่องว่า..เป็นนักเขียนบทละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ  โดยนับรวมเชคสเปียร์อยู่ในกลุ่มเดียวกับชอเซอร์  โกเวอร์และสเปนเซอร์ ใน  First Folio ซึ่งเบน จอห์นสันเรียกเชคสเปียร์ว่าเป็น " จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย  เสียงชื่นชม  ความรื่นเริงและความมหัศจรรย์แห่งเวทีของเรา "

วิลเลี่ยม เชคสเปียร์  มีอัตชีวประวัติที่ไม่แน่ชัด  เนื่องจากไม่ค่อยมีบันทึกใดๆเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขา  จึงมีทฤษฏีมากมายที่คาดเดากันไปต่างๆนานา  แต่จากการสืบเสาะ..ค้นคว้า..บันทึกทางประวัติศาสตร์มากมาย  นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์เชื่อว่า วิลเลี่ยม เชคสเปียร์  เกิดที่เมืองสแตรทฟอร์ดริมแม่น้ำเอวอน  เข้าพิธีรับศีลเมื่อ 28 เมษายน ค.ศ.1564  เขาเป็นบุตรคนที่ 3 จาก 8 คนของนายจอห์น เชกสเปียร์  ผู้เป็นเทศมนตรีและพ่อค้าชาวเมืองสนิตเตอร์ฟิลด์..ที่มีฐานะค่อนข้างดี  เชคสเปียร์เข้ารับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียน King's New School ในเมืองสแตรทฟอร์ด  จากนั้น..เรื่องราวในวัยเยาว์ของเขาก็สูญหายไป  จนกระทั้ง..ปรากฏชื่อของเชคสเปียร์อยู่ในฉากละครหนึ่งในกรุงลอนดอนปี 1592  และไม่มีใครรู้ว่าเชคสเปียร์เริ่มต้นการประพันธ์ของเขาเมื่อใด  แต่นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ก็เชื่อว่า  เขาเริ่มงานประพันธ์ในปี 1592 นั้นเอง  ซึ่งบทละครของเชคสเปียร์จะมีการแสดงก็แต่เฉพาะในคณะละคร Lord Chamberlain's Men  ซึ่งเป็นคณะละครที่เหล่านักแสดงร่วมเป็นเจ้าของด้วย  และอาจเป็นได้ว่า..เชคสเปียร์นั้นเป็นทั้งหุ่นส่วน..นักเขียนบทละคร  นักแสดงและผู้จัดการคณะด้วย  ซึ่งในเวลาต่อมา..คณะละคร Lord Chamberlain's Men ได้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นในกรุงลอนดอน  จนได้รับพระราชทานตราทะเบียนหลวงจากพระเจ้าเจมส์ที่ 1 และเปลี่ยนชื่อคณะใหม่เป็น King's Men

ภาพขบวนตัวละครของเชคสเปียร์  ในศตวรรษที่ 19

ในปี ค.ศ.1608 ได้ค้นพบ..บันทึกการซื้อที่ดินริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำเทมส์  เพื่อสร้างโรงละครชื่อ " โรงละครโกลบ " ซึ่งมีชื่อของเชคสเปียร์ร่วมอยู่ด้วย  เชื่อกันว่า..การลงทุนครั้งนี้ทำให้เขามีฐานะที่มั่งคั่งขึ้น เพราะในปี 1597 เชคสเปียร์ได้ซื้อบ้านหลังใหญ่ในเมืองสแตรทฟอร์ด (ภายหลังเรียกว่า New Place) และปรากฏชื่อของเขาเป็นผู้ลงทุนติดอันดับหนึ่งในสิบของเมืองสแตรทฟอร์ดด้วย

ในด้านงานประพันธ์  วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ได้สร้างงานประพันธ์เอกอุไว้มากมาย..ซึ่งได้กลายเป็นรากฐานของวรรณคดีอังกฤษ..จนถึงปัจจุบัน  โดยมีผลงานเป็นบทละคร 36 เรื่อง กวีนิพนธ์แบบซอนเน็ต 154 เรื่อง  กวีอย่างยาว 2 เรื่อง  และบทกวีแบบอื่นอีกหลายชุด  โดยบทละครของเขามีทั้งโศกนาฏกรรมและสุขนาฏกรรม  รวมทั้งละครอิงประวัติศาสตร์ด้วย  โดยผลงานในช่วงแรกมี The Taming of the Shrew, Henry VI, Richard III และราวปี ค.ศ1593 เชคสเปียร์ได้เข้าไปอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของ Earl of  Southampton ซึ่งเขาได้เขียนบทกวีและบทละครสุขนาฏกรรมอุทิศให้  และจากปี 1594 ที่เขาได้ตั้งคณะละครร่วมกับขุนนางชั้นสูง  เขาเริ่มประพันธ์บทละครที่โดดเด่น เช่น  Romeo and Juliet, Midsummer Night's Dream และ Richard II ในช่วงปี ค.ศ.1594-95 และตามมาด้วย The Falstaff 1597-1599 , Henry IV(ตอน1-2) Henry V และ The Merry Wives of Windosr เป็นต้น

ในชีวิตปั้นปลายชีวิต วิลเลี่ยม เชคสเปียร์อาศัยอยู่กับภรรยาและบุตรสาวสองคน  เขาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 23 เมษายน 1616 (ไม่มีบันทึกถึงสาเหตุการเสียชีวิต) และแม้ว่า..เขาจะเสียชีวิตไปเกือบ 400 ปีแล้ว  ในปัจจุบันยังมีคนมากมาย.. และมหาวิทยาลัยทั้งในอังกฤษและมหาวิทยาลัยทั่วโลก..ก็ยังคงสอนและศึกษางานประพันธ์ของเชคสเปียร์

Christopher Marlowe : คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ (ค.ศ.1564-1593)


Christopher Marlowe : คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์  กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษ  ได้ชื่อว่าเป็น..กบฎสังคม..ไม่นับถือพระจ้า  เป็นพวกรักร่วมเพศ (homosexual) มีชีวิตลึกลับ...และมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิลเลียม เช็คสเปียร์

คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ เกืดที่ Canterbury ปีค.ศ.1564 (ปีเดียวกับวิลเลียม เช็คสเปียร์) บิดาของมาร์โลว์เป็นช่างซ่อมรองเท้า  ในวัยเยาว์..มาร์โลว์เป็นเด็กที่เรียนเก่ง..จึงได้ทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Corpus Christi College, Cambridge) และได้ปริญญาตรีสาขาศิลปะ (Bachelor of Arts) ในปี ค.ศ.1584 และเข้าทำงานเป็นสายลับให้กับเซอร์ฟรานซิสวัลซิ่งแฮม (Sir Francis Walsingham) ในหน่วยงานสืบราชการลับ (ไม่มีหลักฐานสนับสนุนทางประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้) แต่ก็เป็นที่เรื่องลือว่า..มาร์โลว์ทำงานลับบางอย่างให้กับรัฐบาลอังกฤษ และด้วยอายุเพียง 29 ปี  เขาก็เสียชีวิตอย่างมีปริศนา.. จากการทะเลาะกันในโรงเหล้า

ภาพ Poster for WPA performance of Marlowe's Faustus, New York, circa 1935 

คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ เป็นนักคิดอิสระ...เขาได้บุกเบิกการเขียนบทละครโศกนาฏกรรม..ด้วยรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ (Marlovian) เช่นเรื่อง The Jew of Malta : 1589 และ Edward II : 1593 หรือเรื่อง Doctor Faustus : 1604 ซึ่งประสบความสำเร็จล้นหลาม..ในการแสดงเป็นละครเวที  และมีอิทธิพลต่องานเขียนของเช็คสเปียร์อย่างมากด้วย  โดยนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พิเศษ..ตรวจสอบเปรียบเทียบผลงานของมาร์โลว์และเช็คสเปียร์  ค้นพบว่างานเขียนในช่วงแรกของเช็คสเปียร์นั้น..ได้ใช้รูปแบบ Marlovian อย่างเห็นได้ชัด  เช่นเรื่อง  แอนโทนีและคลีโอพัตรา : Antony and Cleopatra , เวนิชวานิช : The Merchant of Venice , ริชขาร์ดที่ 2 Richard II , and Macbeth เป็นต้น

Galileo, Galilei : กาลิเลโอ (ค.ศ.1564-1642)


Galileo, Galilei : กาลิเลโอ นักคณิตศาสตร์  ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ชาวอิตาลี  ผู้พัฒนากล้องดูดาว (Telescope) จนสำเร็จ ในศตวรรษที่ 16  ผู้ได้รับสมญานามว่า " The Wrangler " (นักโต้เถียง)  โดยเขาได้พิสูจน์และหักล้างทฤษฏี Law of Motion ของอริสโตเติลลง  อันเป็นแนวทางให้แก่การค้นพบของไอแซค นิวตัน ในภายหลัง

กาลิเลโอ เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1564  ในครอบครัวผู้ดีตกยาก จากเมืองปิซา ประเทศอิตาลี ในวัยเยาว์เขามีความสามารถเป็นพิเศษในทางดนตรี  ศิลปะและคณิตศาสตร์  แต่บิดาของกาลิเลโอต้องการให้เขาเป็นแพทย์..จึงส่งเขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปิซา ไม่นานนัก...เขาก็หันไปเรียนในทางคณิตศาสตร์ควบคู่กับวิทยาศาสตร์  และในปี 1585 กาลิเลโอก็มีปัญหาขัดสนเรื่องเงินทอง..จึงออกมหาวิทยาลัยปิซา  กลับไปอยู่ที่ฟลอเรนทีน อคาเดมี (Florentine Academy) ในเมืองฟลอเรนซ์  โดยศึกษาด้วยตนเอง  และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ทฤษฏี Law of Motion ของ Aristotle เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ.1586 กาลิเลโอได้พิมพ์ผลงานเรื่องตาชั่ง..ที่เรียกว่า  Hydrostatic Balance และงานเขียนเรื่องจุดศูนย์ถ่วงของของแข็ง (Center of Gravity of Solid) อันทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น  และได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเมืองปิซา  ด้วยอายุเพียง 24 ปี  ทั้งที่ยังไม่เคยได้รับปริญญาบัตรใดๆ

ภาพ  กาลิเลโอต่อหน้าการไตสวนของศาลศาสนาโรมัน วาดโดย Cristiano Banti's : 1857

ในช่วงค.ศ.1589-91 ขณะสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา  กาลิเลโอได้ทำการทดลองทฤษฏีของอริสโตเติลที่กล่าวว่า " ของที่น้ำหนักเบากว่าจะตกถึงพื้นช้ากว่าของที่หนัก " โดยเขาได้นำเอาก้อนตะกั่วกลมหนัก 20 ปอนด์และ 10 ปอนด์  ขึ้นไปบนหอเอนเมืองปิซา  และโยนก้อนตะกั่วทั้งสองลงมาพร้อมกัน  และปรากกฏผลว่า..ก้อนตะกั่วทั้งสองตกลงพื้นพร้อมกัน  ท่ามกลางสายตาของนักศึกษา  ศาสตาจารย์และประชาชนอีกมากมาย  ซึ่งประสบผลสำเร็จ..ในการพิสูจน์ให้เห็นว่าทฤษฏีของอริสโตเติลนั้นไม่ถูกต้อง

สรุปการทดลอง : เทหวัตถุทั้งหมดจะตกลงมาในระยะทางเท่ากัน..ในเวลาที่เท่ากัน  โดยไม่ต้องคำนึงถึงน้ำหนักหรือระยะทาง..:เพราะอัตราเร่งของเทหวัตถุจะเป็นปฏิภาคกับเวลาด้วย  และก่อให้เกิดหลักของความเฉื่อย (Principle of Inertia) ที่ไอแซกนิวตันนำไปตั้งเป็นกฏที่มีหลักการว่า " เทหวัตถุจะคงอยู่ในสภาวะนิ่งหรือเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีแรงอื่น  มากระทำให้เปลี่ยนสภาวะไป " (A body remains at rest or moves along a straight line with constant velocity as long as no external force acts upon it) ในหนังสือ Principia

ในปี ค.ศ.1609 เมื่อกาลิเลโออยู่ในเมืองเวนิส  เขาได้สนใจกับข่าวช่างทำแว่นตาชาวดัทช์ชื่อ แฮนส์ ลิปเปอร์เช (Hans Lippershey) ที่ได้ประดิษฐ์กล้องส่องทางไกลขึ้น  เขาเห็นว่าเครื่องมือนี้น่าจะเป็นประโยชน์ในทางดาราศาสตร์ได้มาก  กาลิเลโอจึงเริ่มศึกษาเรื่องคุณสมบัติของแสง  และการใช้เลนส์รวมแสง..จนสามารถประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) ที่มีกำลังขยาย 3 เท่าได้สำเร็จ

นอกจากนี้  กาลิเลโอยังเป็นคนแรกที่  และค้นพบภูเขาและหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์  และค้นพบจุดดำบนดวงอาทิตย์  และพบว่ากาแลกซี่ (Galaxy) หรือทางช้างเผือก (Milk Way) และเนบิวลา (Nebula) นั้นไม่ใช่อะไรอื่น  นอกจากกลุ่มดาวฤกษ์จำนวนมากนับแสนล้านดวงนั่นเอง  และเขายังค้นพบวงแหวนของดาวเสาร์ (Saturn's Ring)  และค้นพบดวงจันทร์ 4 ดวงที่โครจรอบดาวพฤหัส (Jupiter) และเขายังสนับสนุนทฤษฏีของโคเปอร์นิคัสที่ว่า  ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลด้วย

ภาพ กาลิเลโอกำลังสอนให้ดยุคแห่งเวนิสใช้กล้องดูดาว วาดโดย Giuseppe Bertini

ในปี ค.ศ.1615 กาลิเลโอถูกเรียกไปกรุงโรม   เพื่อแก้ข้อกล่าวหากับพระสันตะปาปา  ในที่สุดโป๊ปได้สั่งห้ามไม่ให้เขาสอนหรือเผยแพร่งานด้านดาราศาสตร์ หรือ ทฤษฏีอื่นๆที่ขัดกับคำสอนของศาสนจักรเป็นอันขาด (แม่ว่ากาลิเลโอจะไม่เห็นด้วยก็ตาม) และในปี 1633 เขาถูกศาลศาสนาลงโทษกักบริเวณอีกครั้ง  และเพราะเหตุที่กาลิเลโอถูกลงโทษนี่เอง..ที่เป็นผลให้วงการวิทยาศาสตร์ของอิตาลี  ไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร

ในปั้นปลายชีวิต  กาลิเลโอได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์คนโปรดคือ ทอริเซลลิ (Torricelli) และวิเวียนนิ (Viviani) และเริ่มล้มป่วยออดๆแอดๆด้วยอาการ suffering fever and heart palpitations เรื่อยมา  จนถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1642  ร่างของเขาถูกนำไปฝั่งไว้ที่สุสาน ณ โบสถ์ Church of Santa Croce ในกรุงฟลอเรนซ์

วาทะกรรม : " หากเป็นเรื่องในทางวิทยาศาสตร์  การอ้างความเป็นผู้รู้ของคนพันคน  ไม่มีค่าเท่ากับการให้เหตุผลที่ถ่อมตัวของปัจเจกชนเพียงคนเดียว "

Giordano Bruno : จิออตาโน บรูโน (ค.ศ.1548-1600)


Giordano Bruno : จิออตาโน บรูโน  นักปรัชญา  นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี  ผู้ต่อต้านทฤษฏีเอกภาพของโคเปอร์นิคัส  และมีทัศนะนอกรีตเกี่ยวกับคำสอนแบบคาทอลิก  ที่สร้างอิทธิพลทางความคิด..อย่างมากต่อนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาในยุคหลัง

จิออตาโน บรูโน เกิดในครอบครัวนายทหารที่โนลา  ทางภาคใต้ของอิตาลี  พออายุ 24 ปี ได้บวชเป็นพระภิกขาจารคณะนิกายโดมินิกันในเมืองเนเปิล (Naples) ในปี ค.ศ.1563  และได้รับการศึกษาเล่าเรียนทั้ง...ปรัชญา  เทววิทยาและวิทยาศาสตร์หลายปี  ซึ่งทำให้บรูโนมีทัศนะใหม่..แบบนอกรีตเกี่ยวกับคำสอนในศาสนาคาทอลิก  จนถูกกล่าวหาว่า..เป็นพวกกบฏต่อศาสนจักรคาทอลิก  และต้องหลบหนีออกจากอิตาลีในปี ค.ศ.1576  และลี้ภัยไปอยู่ที่เจนีวาในปี 1579  และย้ายไปตูลูส (Toulouse) ฝรั่งเศส  ที่นั้นเขาได้รับปริญญามหาบัณฑิตและบรรยายเกี่ยวกับอาริสโตเติลในปี 1581-82  และเริ่มพิมพ์เผยแพร่งานเขียนชุดแรก  เช่น  De umbris idearum ( เงาของไอเดีย , 1582),  Ars Memoriae ( ศิลปะแห่งการจดจำ , 1582) เป็นต้น

ในปี ค.ศ.1583 บรูโนเดินทางไปอังกฤษและพำนักอยู่ที่นั้น 2 ปี  โดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 1  ที่ทรงจัดให้มีการอภิปรายโต้แย้งกันอย่างอิสระ..เกี่ยวกับแนวคิดที่ว่าด้วยเรื่องเอกภาพของโคเปอร์นินิคัสและอาริสโตเติล..ที่ออกซ์ฟอร์ดและคาดสเฟิร์ค  และบรูโนได้เริ่มพิมพ์เผยแพร่งานเขียนชิ้นยอดเยี่ยมในระหว่างปี 1584-85  เช่น  อาหารในวันพุธรับเถ้า (La Cena de le Ceneri), ว่าด้วยเอกภพและโลกอนันต์ (De I'infinito universo et Supper), ว่าด้วยเหตุ  หลักการและเอกภาพ (De la causa, principio et uno) โดยในงานเขียนเหล่านี้  บรูโนได้พยายามพัฒนาและอธิบายเกี่ยวกับทฤษฏีเอกภพของโคเปอร์นิคัส..เสียใหม่  โดยบรูโนเสนอว่า.." เอกภพประกอบด้วยโลกมากมายจำนวนอนันต์..แต่มีเอกภาพอันสามารถพิสูจน์ได้จาก..สรรพสิ่้งต่างๆที่มีรูปแบบที่เป็น..ระบบระเบียบอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดเป็นเอกเทศหรือโดดเดี่ยว  แต่มีชีวิตชีวาในการอยู่ร่วมกันด้วยเหตุผลสากล  และวิญญาณซึ่งมอบชีวิตให้แก่สิ่งทั้งปวงก็คือ พระผู้เป็นเจ้า..ที่มีสถานะที่ไม่อยู่เหนือ  และไม่อยู่ภายนอก  แต่สถิตอยู่ภายในสรรพสิ่งทั้งปวงตลอดเวลา " ซึ่งทัศนะในเทววิทยาใหม่นี้  ภายหลังถูกเรียกว่า " ระบบความเชื่อแบบสรรพเทวนิยม " นอกจากนี้  เขายังได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานเขียนขื่อ " ความเดือดดาลที่กล้าหาญ " (De gli eroici furori : 1585) ที่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความรักบริสุทธิ์..อีกด้วย

ภาพ แผนภูมิ the Ptolemaic geocentric conception of the universe.

ต่อมา..ในปี 1585 บรูโนถูกบังคับให้ออกจากอังกฤษ  ด้วยข้อหาโจมตีปรัชญาของอริสโตเติล  เขาจึงเดินทางไปเยอรมัน..ซึ่งได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญ..จากการบรรยายที่มหาวิทยาลับวิทเทนเบิร์ก  และพิมพ์เผยแพร่งานเขียนเกี่ยวกับตรรกศาสตร์และบทกวีในภาษาลาติน  เช่น  " ว่าด้วยสิ่งต่ำสุด " (De minimo), " ว่าด้วยโมนาด " (De monade), และ " ว่าด้วยสิ่งมหึมา (De immenso)" ที่กล่าวถึงการตรวจสอบที่เล็กที่สุด..ไปจนถึงสิ่งที่ใหญ่..ที่ไม่สิ้นสุดในเอกภพ

ในปี ค.ศ.1592 บรูโนเดินทางไปเวนิชและถูกจับกุมตัวส่งศาลศาสนาที่วาติกัน  และถูกตัดสินพิพากษาให้เป็นพวกนอกรีต  และถูกเผาทั้งเป็นบนตะแลงแกงด้วยวัย 52 ปี  เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1600  ด้วยกล่าวข้อหาว่า..ไม่ยอมรับในคำสอนของศาสนจักรในสมันนั้น..ที่สอนว่า...โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล  แต่บรูโนโต้แย้งว่า..ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล  โดยเขาได้อธิบายด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์  ซึ่งต่อมา..แนวความคิดเกี่ยวกับจักรวาลวิทยาของบรูโน  ได้รับการยืนยันและการพิสูจน์..ว่าถูกต้องจากนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ในสมัยหลัง

วาทะกรรม : " บางทีความกลัวของพวกท่านในการที่จะตัดสินข้าฯ  คงมากกว่าความกลัวของข้าฯ  ในการรับคำตัดสินของท่าน "

Miguel de Cervantes : มิเกวล เดอ เซอร์วันเตส (ค.ศ.1547-1616)


Miguel de Cervantes : มิเกวล เดอ เซอร์วันเตส  นักเขียนนิยาย  บทละครและกวีคนสำคัญชาวสเปน ผู้เขียนนิยายเรื่อง Don Quixote (ดอนกิโฆเต้) ที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งศิลปะและวรรณกรรมสเปน (1492-1681)  แม้ในปัจจุบันนี้...เซอร์วันเตสก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น..นักเขียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

มิเกวล เดอ เซอร์วันเตส เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง (ค.ศ.1547) ในเมืองอัลคาราเดเอนาเรส (Alcalá de Henares) ประเทศสเปน  ในวัยเด็กครอบครัวต้องย้ายที่อยู่หลายครั้ง  ทำให้เขาไม่เคยได้เรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย  แต่กระนั้น..เซอร์วันเตสก็มีอัฉริยภาพในการประพันธ์  โดยในปี 1569 เมื่อเขาย้ายไปอยู่อิตาลี  เขาก็ได้ตีพิมพ์บทกวี..ครั้งแรกที่นั้น  และสมัครเข้าเป็นทหารของกองทัพสเปนในอิตาลี  และร่วมรบในสมรภูมิที่เรปันโต (attle of Lepanto : 1571)  ทำให้ได้รับบาดเจ็บ..จนมือข้างซ้ายพิการ และได้รับสมญานามว่า el manco de Lepanto (เอลมังโกเดเลปันโต: มือเดียวแห่งเลปันโต) และในปี ค.ศ.1575 เขาถูกโจรสลัดออตโตมันจับไปเป็นทาสในแอลเจียร์ 5 ปี ต่อมา..ได้หลบหนีกลับกรุงมาดริด และได้ทำงานใน Andalucía เป็นตัวแทนจัดซื้อสินค้าสำหรับกองเรือสเปน โดยมีชีวิตแบบลุ่มๆดอนๆต้องติดคุกสองครั้ง (1597 และ 1602) ด้วยปัญหาหนี้สิน แต่..ในช่วงเวลานี้เอง...ที่เซอร์วันเตสได้เริ่มงานเขียนชิ้นสำคัญ Don Quixote (1605) และบทละครคือ El Trato De  Arge และ Los Banos DE Arge เป็นต้น  และในปี ค.ศ.1615 เขาได้พิมพ์ดอนกิโฆเต้ตอนที่สอง  ที่ถือว่าดีกว่าตอนแรกในเชิงวรรณศิลป์...ในแง่ของการสร้างโครงเรื่องและตัวละครที่โดดเด่น ซึ่ง Don Quixote  ได้กลายเป็นนิยายเชิงสุข/โศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่...ที่ได้รับการตอบรับจากผู้อ่านอย่างมาก  และหลังจากพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกได้ไม่กี่ปี  ได้มีการนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสและกว่า 50 ภาษาในปัจจุบัน  และนิยายเรื่อง Don Quixote ได้สร้างอิทธิพลต่อการพัฒนาการทางการเขียนนิยายในยุโรปในเวลาต่อมา

ภาพหน้าปกหนังสือ ดอนกิโฆเต้ ค.ศ.1605

ในเดือนเมษายน ค.ศ.1616  มิเกวล เดอ เซอร์วันเตส เสียชีวิตลงด้วยอาการกระหายน้ำอย่างมาก  และเป็นโรคตับแข็ง (cirrhosis) ซึ่งร่างของเขาถูกนำไปฝังไว้ใกล้ๆ Convent of the Barefoot Trinitarians บริเวณใจกลางกรุมมาดดิก  แต่ในปี 1673 กระดูกของมิเกวล เดอ เซอร์วันเตส ได้สูญหายไป  และค้นพบภายหลังในปี 2015

วาทะกรรม " เวลาบ่มเพาะทุกสิ่งทุกอย่าง  ไม่มีใครที่จะเกิดมาฉลาด "

Tycho Brahe : ทีโค บราห์ (ค.ศ.1546-1601)


Tycho Brahe : ทีโค บราห์  นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังชาวเดนมาร์ค  หนึ่งในผู้บุกเบิกการศึกษาวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่  ในศตวรรษที่ 16  หลังจากสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) โดยเขาสามารถพิสูจน์ว่าได้ว่าทฤษฏีจักรวาลวิทยาของอริสโตเติลและปโตเลมีนั้นมีข้อผิดพลาด

ทีโค บราห์เกิดในแวดวงชนชั้นสูงที่มั่งคั่ง  บิดามีตำแหน่งเป็นองคมนตรีของราชสำนักเดนมาร์ค  แต่บราห์ถูกลุงชื่อ เจอร์เกน (Jorgen) ที่เป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยมาก..ขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ยังเล็ก  ซึ่งเขาก็ได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอย่างดีเลิศ  และเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน  แต่ในวัยเพียง 14 ปี เขาได้หันไปสนใจในเรื่องดาราศาสตร์อย่างจริงจัง..และละทิ้งวิชากฎหมาย  และไปเขาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไลฟ์ซิก (University of Leipzig) ประเทศเยอรมัน ในปี ค.ศ.1562-1565  และเริ่มต้นสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ (ในยุคที่ยังไม่มีกล้องดูดาว) โดยบราห์ได้ทำการศึกษาตรวจสอบและแก้ไขตารางดาว Table ของโคเปอร์นิคัสที่ยังคลาดเคลื่อนอยู่ให้ถูกต้องยิ่งขึ้นในเวลาต่อมา  และหลังจากจบการศึกษาจากไลฟ์ซิกแล้ว  เขาได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเยอรมัน  เพื่อดูงานและหาประสบการณ์ทางดาราศาสตร์ เช่น ที่เมืองวิทเทนเบิร์ก (Wittenberg) รอสต็อค (Rostock) บาเซล (Basel) และอ๊อกซเบิร์ก (Augsburg) และเสาะแสวงหาซื้อเครื่องมือทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์สะสมไว้ได้มากมายหลายชิ้น   จนถึงในปี 1571 บราห์ได้กลับไป..ตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่เมืองสแคเนีย (Scania) บ้านเกิดของเขา  โดยบราห์ได้รับมรดกเป็นที่ดินและทรัพย์สินจากบิดาและลุงรวมกัน...มากพอที่จะสร้างหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ได้ด้วยทุนส่วนตัว  และในปี 1572 เขาสามารถค้นพบดาวดวงใหม่ที่มีแสงส่องสว่างสุกใสมากกว่าดาวศุกร์ (Venus) และดาวอื่นๆทางทิศเหนือ (Cassiopeia) และได้เขียนหนังสือชื่อ " De nova stella หรือ New Star " ออกตีพิมพ์เผยแพร่ในปี ค.ศ.1573 ซึ่งอธิบายถึงการค้นพบการระเบิดของดาวที่ปัจจุบันเรียกว่าซุปเปอร์โนวา  ที่ทำให้คนทั่วทั้งยุโรปมีความตื่นเต้นและเป็นที่สนใจอย่างมาก  และทำให้บราห์มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงนักดาราศาสตร์โลก

ต่อมา.,ในปี ค.ศ.1576  พระเจ้าเฟรเดริคที่ 2 (King Frederick : II) แห่งเดนมาร์กได้ประทานเงินทุน 20,000 ปอนด์  และเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ เกาะเว็น (Island of Ven หรือ Hven) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลช่องแคบ " เดอะซาวน์ " (The Sound) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อระหว่างทะเลบอลติกกับทะเลเหนือ  เพื่อสร้างปราสาทและหอปฏิบัติการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ใหญ่กว่าที่เดิม  โดยบราห์ได้ตั้งชื่อปราสาทและหอดูดาวนี้ว่า " ยูเรนิเบิร์ก " (Uraniborg) ที่แปลว่า " ปราสาทสวรรค์ " ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น " ยูเรเนีย " (Urania) ซึ่งได้กลายเป็นหอดูดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรปตอนเหนือ โดยทีโค บราห์ ได้เป็นผู้อำนวยการและทำการศึกษาค้นคว้าอยู่ที่หอดูดาวนี้นานกว่า 20 ปี  โดยได้ทำการรวบรวมบันทึกผลงานและการสังเกตปรากฎการณ์บนท้องฟ้าไว้ได้มากมาย

ภาพ  ระบบ Tychonic system ของทีโค บราห์  
ที่อธิบายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของโลกและดาวเคราะห์

ผลงานทางดาราศาสตร์ที่สำคัญของ ที่โค บราห์ พอสรุปได้ดังนี้

1) ทีโค บราห์ เป็นคนแรกที่ทำบัญชีตารางดวงดาวและสร้างแผนผังไว้อย่างถูกต้องแม่นยำ  ที่นักเดินเรือหลายยุคสมัยได้ใช้ในการเดินเรือต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน

2) ทีโค บราห์ เป็นผู้ริเริ่มนำเอาวิธีการเฝ้าติดตามดูวิถีโคจร (orbit) ของดาวเคราะห์ (Planets) ซึ่งทำให้เกิดวิชาดาราศาสตร์สังเกตการณ์ (Observational Astronomy) ในเวลาต่อมา

3) ทีโค บราห์ กล่าวว่า " การเฝ้าติดตามดูดวงดาว (Observation) นั้น  จะต้องมีทฤษฏีเป็นหลักหรือเป็นแนวทาง ดังนั้น  เขาจึงสร้างระบบดาวเคราะห์ขึ้น  โดยให้โลกเป็นศูนย์กลาง  ซึ่งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะโครจหมุนรอบโลกกินเวลาเป็น 24 ชั่วโมง  และในขณะที่หมุนไปนั้นได้ทำให้ดาวเคราะห์ทั้งหมดหมุนตามไปด้วย  และดาวเคราะห์ทั้งหมดนั้นก็หมุนรอบดวงอาทิตย์อีกทีหนึ่ง " เป็นต้น

ในปี ค.ศ.1597 หลังจากสิ้นรัชสมัยพระเจ้าเฟรเดริคที่ 2  และเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ  ทีโค บราห์  จึงได้อำลาจากหอดูดาวยูเรเนีย  ไปพำนักอยู่ที่กรุุงปร๊าค (Prague) ประเทศโบฮีเมีย (หรือเชโกสโลวาเกีย)  โดยการรับเชิญจากจักรพรรดิรูดอล์ฟที่ 2 (Emperor Rudolf II) ซึ่งได้ประทานปราสาทที่เบนาเทค (Benatek) ในแทบชานกรุงปร๊าคให้ใช้ดัดแปลงเป็นหอดูดาว  ซึ่งที่นี่เอง.. บราห์ได้ทำบัญชี (Catalog) ของดาวดาวต่างๆถึง 777 ดวง และค้นพบดาวหาง (Comet) ที่มีแสงสว่างมากจนสามารถหา Parallax ได้ด้วย  นอกจากนี่..บราห์ยังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  และหนึ่งในนั้น คือ โยฮันเนส เคปเลอร์ (Johannes Kepler) นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงชาวเยอรมัน  ที่มารับช่วงเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวและทำงานค้นคว้าทางดาราศาสตร์ต่อไป  หลังจากทีโค บราห์เสียชีวิตลงด้วยอาการนิวในไต (kidney stone) ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1601



ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.

ไขปริศนาคดีฆาตกรต่อเนื่องโดย นักฆ่าโซดิแอค

โพสต์แนะนำ

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค (ค.ศ.1632-1723)

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค  นักชีววิทยาชาวดัชท์  ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งจุลชีววิทยาการ " ( the Father of M...

บทความที่ได้รับความนิยม

Kategori

สนับสนุนเว็บไซด์

หนังคาวบอยดี.. ดูฟรี ออนไลน์

Kategori