Peter The Great หรือ Peter I : พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซาร์แห่งรัสเซีย (ค.ศ.1682-1721) ผู้นำขนบธรรมเนียนและแนวคิดแบบยุโรปตะวันตก..เข้ามาปรับปรุงและสร้างจักรวรรดิรัสเซียให้ทันสมัยและมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมาก กระทั้ง..ประเทศรัสเซียกลายเป็นชาติมหาอำนาจในยุโรป
พระเจ้าปีเตอร์มหาราช หรือ พระนามเดิม ปีเตอร์ อเล็กเซเยวิช โรมานอฟ ทรงพระราชสมภพวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ.1672 เป็นโอรสของพระเจ้าซาร์อเล็กซิสที่ 1 กับ ซารีนา นาตัลยา นารีสกีนา (พระมเหสีองค์ที่ 2 ระหว่างปี 1671-1676) และด้วยเพราะ..ซาร์ปีเตอร์ทรงเป็นโอรสองค์ที่ 2 จึงไม่ได้ทรงมีฐานะเป็นซาเรวิชหรือองค์รัชทายาท กระทั้ง..เมื่อของพระบิดาพระเจ้าซาร์อเล็กซิสที่ 1 ทรงสวรรคตในปี 1676 พระเชษฐาต่างมารดา (บุตรของพระมเหสีองค์แรก " มาเรีย มิโลสลาฟสกี้ " 1648-1669) ที่มีพระนามว่า " เฟโอดอร์ " จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแทน.. โดยใช้ฉลองพระนามว่า " พระเจ้าซาร์เฟโอดอร์ที่ 2 " (ในตอนนั้น..ซาร์ปีเตอร์ทรงมีพระชนมายุเพียง 4 ปี) ต่อมา..เมื่อซาร์เฟโอดอร์ที่ 2 สวรรคตในเดือนมิถุนายน 1682 โดยไม่มีรัชทายาท จึงเกิดการช่วงชิงอำนาจกันในราชสำนักระหว่างสองตระกูล คือ มิโลลาฟสกี้ : Miloslavsky (ฝ่ายมเหสีองค์ที่ 1) กับตระกูล นารีสกีนา : Naryshkina (ฝ่ายมเหสีองค์ที่ 2) ซึ่งเป็นไปอย่างนองเลือด สุดท้าย..จึงมีประกาศให้ตั้งอิวานที่ 5 (Ivan V) จากตระกูลมิโลลาฟสกี้เป็นซาร์ผู้พี่ และตั้งพระเจ้าปีเตอร์เป็นซาร์ผู้น้อง ปกครองรัสเซียร่วมกัน โดยมีพระเชษฐภคินีโซเฟีย (Sophia Alekseyevna พระธิดาของพระเจ้าซาร์อเล็กซิส) เป็นผู้สำเร็จราชการแทน (เนื่องด้วยองค์รัชทายาทยังอยู่ในวัยพระเยาว์) ในเวลาต่อมา..มีการลอบปลงพระชนม์อิวานที่ 5 ในปี 1696 จึงเหลือซาร์ปีเตอร์พระองค์เดียวที่เป็นรัชทายาทและกษัตริย์แห่งรัสเซีย
ในปี ค.ศ.1694 พระเชษฐภคินีโซเฟียได้ก่อรัฐประหารขึ้น เพื่อแต่งตั้งตัวพระนางเองเป็นกษัตริย์แห่งรัสเซีย แต่ปรากฎว่า.. ฝ่ายสนับสนุนพระเชษฐภคินีโซเฟียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้น พระมเหสีนาตาเลียพระมารดาของซาร์ปีเตอร์จึงได้ก้าวขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ในปี 1689 ซึ่งพระเจ้าปีเตอร์มีพระชนมายุ 17 พรรษาแล้ว
ภาพ พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่1 กำลังคิดวางแผนสร้างเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ชายฝั่งทะเลบอลติก
พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ ที่ 1 ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งรัสเซีย ในวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ.1682 พระองค์ทรงเป็นบุรุษที่มีพระพลานามัยสมบูรณ์ พระวรกายกำยำล่ำสัน มีพลัง สูงเกือบเจ็ดฟุต หนัก 240 ปอนด์ และทรงปฏิบัติพระราชภารกิจได้อย่้างคล่องแคล่วรวดเร็ว..ไม่รู้จักเหน็ดเหนือย (ว่ากันว่า..ในสมัยนั้นน้อยคนนักที่จะก้าวเดินได้ทันพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ แม่แต่คนร่างใหญ๋ที่ถวายงาน..ก็ต้องใช้วิธีวิ่งตามพระองค์) นอกจากนี้ พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ เป็นคนที่อยากรู้ยากเห็น ช่างสังเกตและมีความจำเป็นเลิศ และเนื้องด้วย..พระมารดา พระนางนาตาเลียทรงเป็นธิดามาจากครอบครัวขุนนางที่มีรสนิยมไปทางประเทศทางยุโรปตะวันตก พระเจ้าซาร์ปีเตอร์จึงมีความสนใจในวัฒนธรรมยุโรปตะวันตกเรื่อยมา
ในด้านการปกครอง : พระเจ้าปีเตอร์ได้ทรงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 เขตแดน (Guberny) ได้แก่ มอสโก, อินเกอร์แมนแลนด์, เคียฟ, สโมเลนสค์, คาซาน, อาร์เชนเกล, อาซอฟและไซบีเรีย (ต่อมา..ได้มีการแบ่งเขตแดนออกอีกเป็น 45 และเป็น 50 มณฑล ในปี 1719) ซึ่งทุกเขตแดนยกเว้น..มอสโกจะมีข้าหลวงคนสนิทของซาร์ปีเตอร์ประจำอยู่..โดยข้าหลวงเหล่านี้..จะขึ้นตรงต่อพระเจ้าปีเตอร์เท่านั้น ซึ่งเป็นการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง และลดอำนาจของพวกขุนนางท้องถิ่นลง โดยข้าหลวงประจำมณฑลจะมีหน้าที่ในการดูแลปกครองเขตมณฑล ในด้านการบริหาร ตุลาการ และอื่นๆ ส่วนเรื่องการเก็บภาษีให้ได้ตามเป้า..เป็นหน้าที่ของทหารปกครองเขตแทนในปี 1722 (ทำตามแบบอย่างการปกครองท้องถิ่นของสวีเดน)
ในส่วนพวกขุนนางเก่าๆ พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ได้ทรงพยายามลดบทบาทของพวกขุนนาง..และทำให้สภาโบย่าร์หมดความสำคัญลง โดยใช้วิธีจัดตั้งสภาองคมนตรี เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแทน.. นอกจากนี้..ยังมีกฎบังคับให้พวกขุนนางสามารถมอบมรดกที่ดิน..ให้แก่บุตรชายคนโตเพียงคนเดียว..เท่านั้น และให้ส่งลูกชายคนรองๆ..เข้ารับราชการทหารและราชการพลเรือน (เพื่อจำกัดการขยายฐานอำนาจของครอบครัวขุนนาง) และในภายหลัง..พระเจ้าปีเตอร์ได้ประกาศยกเลิกยศขุนนางระดับสูงที่เรียกว่า " โบย่าร์ " และให้ใช้ยศเคานต์ (count) และบารอน (baron) แบบยุโรปตะวันตกแทน และทรงมีนโยบายกระตุ้นให้พวกขุนนางหันมาลงทุนในด้านการค้า เป็นต้น
ในด้านเศรษฐกิจ : พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ได้ทรงจัดระบบเศรษฐกิจของประเทศใหม่..ตามระบบพาณิชย์นิยมของตะวันตก และเปิดประเทศตอนรับผู้ชำนาญงานสาขาต่างๆ..ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานและลงทุนในรัสเซีย เพื่อรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆและขยายตลาดการลงทุนภายในประเทศ แต่ในอีกด้านหนึ่ง..พระองค์ก็ทรงห้ามนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ารัสเซีย และเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศ โดยทรงจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมของรัฐ..ที่ให้เอกชนเป็นหุ้นส่วนและร่วมในการดำเนินการ เช่น โรงทอผ้า, อู่ต่อเรือ, การผลิตอาวุธ, สร้างโรงถลุงเหล็ก, รองเท้า, สูบ่ ฯลฯ เป็นต้น แต่ในภาคการเกษตร พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ไม่ทรงให้ความสำคัญมากนัก โดยมีการเกณฑ์และบังคับแรงงานชาวไร่ ชาวนาให้มาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมแทน (ในช่วงเวลาเพียง 20 ปี กรุงมอสโกมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้น 200 แห่ง และขนาดเล็กมากกว่า 2,500 แห่ง และทรงละเว้นภาษีแก่โรงงานอุตสาหกรรมเอกชน แต่ในขณะเดียวกัน..ก็ทรงเพิ่มการเก็บภาษีเข้ารัฐ..ในด้านอื่นๆ เช่น การเก็บภาษีบุคคล (soul tax) ที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศสูงถึง 4 เท่ามากกว่ารายรับจากภาษีอื่นๆ ) และในปี ค.ศ.1712 พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงมอสโคไปยังกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของอ่าวฟินแลนด์ เพื่อให้รัสเซียกลายเป็น " หน้าต่างยุโรป " ในทางการค้าด้วย
ในด้านศาสนา : พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ทรงมีพระประสงค์ที่จะปฏิรูปองค์กรคริสตศาสนานิกายกรีกออร์โธด็อกซ์ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และบังคับให้ประชาชนนับถือในนิกายออร์โธด็อกซ์เหมือนพระองค์ นอกจากนี้..ยังทรงการเข้าควบคุมศาสนจักรอย่างเข้มงวด และทำให้ศาสนจักรอยู่ใต้อำนาจของรัฐ..ระหว่างปี ค.ศ.1699-1700 และทรงยกเลิกอภิสิทธิ์ของพวกพระในการยกเว้นภาษี และทรงประกาศยุบตำแหน่งพระสังฆราชอย่างเป็นทางการ ในปี 1712 และจัดตั้งสภาศาสนา (Holy Synod) เพื่อทำหน้าที่บริหารงานศาสนาแทนพระสังฆราช ซึ่งสภาศาสนาจะอยู่ใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง (Chief Procuration) อีกที่หนึ่ง เป็นต้น
ภาพ อนุสาวรีย์ของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ปี 1782
ในด้านวัฒนธรรม พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 ทรงประกาศให้ประชาชนและพวกขุนนางโกนหนวดเครา เพราะทรงถือหนวดเคราเป็น " สัญลักษณ์ของโลกเก่า " ที่ล้าหลัง (ในปี 1705 พระองค์ทรงประกาศให้มีการเก็บ "ภาษีหนวดเครา " สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนไว้ตามธรรมเนียมนิยมแบบเก่า) และทรงให้ข้าราชการขุนนางแต่งเครื่องแบบเลียนแบบขุนนางชาวยุโรปตะวันตกด้วย และในปี 1699 พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ได้ทรงบคิดประดิษฐธงชาติตามแบบอย่างชาติตะวันตก ที่ประกอบด้วยแถบสี ขาว น้ำเงิน แดงในแบบแนวนอนเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ (ที่ใช้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน) และในปี 1702 ได้ทรงยกเลิกธรรมเนียมเทเรมเก่า และอนุญาตให้ทั้งชายและหญิงทุกวัยและทุกชนขั้นทั่วจักรวรรดิได้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน และทรงให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาชาวดัชท์ทำการปรับปรุงแก้ไขตัวอักษรในภาษาสลาฟหรือรัสเซียให้มีลักษณะใกล้เคียงกับตัวอักษรละตินและกรีก เพื่อความสะดวกในการเขียนและอ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้มีการแปลหนังสือและตำราต่างประเทศต่างๆ ทั้งทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และอื่นๆด้วย
ในรัชสมัยของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 รัสเซียได้ถูกปฏิรูปให้เ้ป็นจักรวรรดิที่ทันสมัย จนเป็นประเทศอุตสาหกรรมมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก..และกลายเป็นชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่..ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรป โดยพระองค์ทรงครองราชย์นานถึง 42 ปี ซึ่งทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องในฐานะกษัตริย์นักปกครองและนักปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่ด้วย แต่กระนั้น..ก็คนส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่า..พระองค์ทรงละทิ้งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมแบบรัสเซียด้วย นอกจากนี้..พระองค์ยังได้ชื่อว่า..เป็นกษัตริย์เผด็จการที่ทรงใช้พระราชอำนาจอย่างโหดเหี้ยมด้วยเช่นกัน พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1725 ด้วยอาการติดเชื่อและเป็นแผลเรื้อรังที่กระเพาะปัสสวะ ในพระชันษา 52 ปี
EmoticonEmoticon