คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

Mahmed II : เมห์เม็ดที่ 2 (ค.ศ.1432-1481)


Mahmed II : เมห์เม็ดที่ 2 สุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมัน หรือที่รู้จักกันในนามว่า " เมห์เม็ดผู้พิชิต " ซึ่งทำสงครามยึดคืนคอนแสตนติโนเบิลกลับมาจากพวกคริสเตียนมาได้ในปี ค.ศ.1454  และพัฒนาให้คอนแสตนติโนเบิลกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง  ต่อมาเมห์เม็ดที่ 2 ยังพิชิตดินแดนส่วนใหญ่ในแหลมบอลข่าน (ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป)ได้สำเร็จอีกด้วย

ภาพ สุลตานเมห์เม็ดที่ 2 กีฑาทัพเข้าสู้คอนแสตนติโนเบิล

ในด้านอื่นๆ เมห์เม็ดที่ 2 ได้เขียนประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่งที่ใช้สืบต่อมาอีกหลายทศวรรษ  อีกทั้ง  พระองค์ยังรวบรวมงานเขียนทางการเมืองและบทกวีภาษากรีกและละตินไว้มากมายด้วย  และได้ทรงก่อตั้งมหาวิทยาลัย 8 แห่ง จนทำให้คอนแสตนติโนเบิลกลายเป็นศูนย์กลางทางการศึกษ่าของโลกมุสลิม และอื่นๆ

ในปี ค.ศ. 1481 เมื่อเมห์เม็ดเดินทัพมาถึงอิสตันบูล พระองค์ก็ทรงประชวรอย่างกระทันหัน (ถูกรอบวางยาพิษ) และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1481 ตอนอายุสี่สิบเก้าและถูกฝังใว้ในสุสานภายในมัสยิด Fatih Mosque Complex

Medici Family : ตระกูลเมดิซิ (ประมาณ ค.ศ.1230-1743)

ภาพ คอสซิโม จิโอวานี เมดิซิ

Medici Family : ตระกูลเมดิซิ  ผู้ปกครองนครรัฐฟลอเรนซ์ที่มีอำนาจมากทีสุดในยุโรป ในศตวรรษที่ 14-17  เริ่มต้นจากเป็นกสิกรขายขนแกะในทางตอนเหนือ  และสร้างตัวจนเป็นนายธนาคารผู้มั่งคั่งร่ำรวย  และได้ก่อตั้งธนาคารเมดิซิ (The Medici Bank) ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป  และตระกูลเมดิซิยังได้ขยายอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองของพวกเขาจากอิตาลี...ไปจนทั่วยุโรปอีกด้วย

ผู้นำของตระกูลที่มีชื่อเสียง คือ Còsimo di Giovanni degli Mèdici  ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกครองที่สร้างความมั่งคั่งให้กับนครรัฐฟลอเรนซ์  ช่วงปี (1434-1464) โดยตระกูลเมดิซิมีสมาชิกในตระกูลได้เป็นพระสันตะปาปาถึง 4 พระองค์  และได้แต่งงานกับสมาชิกราชวงศ์ต่างของยุโรปมากมาย  โดยเฉพาะกับราชวงศ์ฝรั่งเศส

ตระกูลเมดิซิยังเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปินในยุคเรเนซองส์ (Renaissance) หลายๆคน  เช่น มิเกลลันเจโล (Michelangelo) ลีโอนาโด ดาวินซี (Leonardo da Vinci ) เป็นต้น  ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า...ตระกูลเมดิซิเป็นฟันเฟืองใหญ่ที่ช่วยผลักดันให้ในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด


ภาพ ตราประจำตระกูลเมดิซิ

ในทางสถาปัตยกรรมตระกูลเมดีชีมีอิทธิพลต่อการก่อสร้างสถาปัตยกรรมหลายๆแห่งในฟลอเรนซ์ เช่นพิพิธภัณฑ์ศิลปะอุฟฟิซิ (Uffizi Gallery), สวนโบโบลิ (Boboli Gardens), ป้อมเบลเวเดเร (Belvedere) และราชวังของตระกลูเมดีชีเอง 

และตระกูลเมดีชียังมีชื่อเสียง...ในการเป็นผู้อุปถัมภ์นักดาราศาสตร์คนสำคัญ คือ กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) ซึ่งเป็นครูให้กับลูกหลานในตระกูลเมดีชีหลายๆคน ซึ่งต่อมา...เมื่อกาลิเลโอถูกกล่าวหาโดยศาลศาสนาโรมัน (Roman Inquisition) ว่ากาลิเลโอเผยแผ่คำสอนนอกรีต แต่ตระกูลเมดีชีก็ยังช่วยปกป้องกาลิเลโออยู่หลายปี...จนกาลิเลโอถึงกับ...ตั้งชื่อพระจันทร์สี่ดวงของดาวพฤหัสบดีตามชื่อของลูกหลานตระกูลเมดีชีด้วย


Joan of Are (Jeanne D' Arc) : โจนออฟอาร์ก (ประมาณ 1421-1431)


Joan of Are (Jeanne D' Arc) : โจนออฟอาร์ก  วีรสตรีชาวฝรั่งเศส  ผู้นำกองทัพฝรั่งเศสตอบโต้กับอังกฤษจนได้รับชัยชนะในสงครามร้อยปี (Hundred Years' War 1337-1453) โจนหรือที่รู้จักกันในนามว่า " สาวจากลอร์แรน " (The Maid of Orléans) เธอเป็นเด็กสาวชาวนา  ผู้อ้างว่าได้ยินเสียงจากพระเจ้าให้เธอนำทัพฝรั่งเศสต่อสู้กับอังกฤษที่กำลังปิดล้อมเมืองออร์เลอ๊องอยู่และสามารถเข้าตีทหารอังกฤษจนแตกพ่ายไปในปี ค.ศ.1429 (ยังไม่สามารถยึดคืนปารีสได้)  แต่กระนั้น...ก็เปิดโอกาสให้มงกุฏราชกุมารแห่งฝรั่งเศสได้ทำพิธีราชภิเษกเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส (จากนั้นชาร์ลส์ได้เลือกวีถีทางทางการทูตมากกว่าการทำสงคราม  จึงวางแผนการผลักไสโจนให้ถูกพวกเบอรกันดีจับตัวได้ในที่สุด)

ในปี่ ค.ศ. 1430 โจนออฟอาร์กถูกพวกเบอรกันดี (Burgundian) จับตัวโจนไปขึ้นศาลศาสนาที่รูอองซึ่งควบคุมด้วยบาทหลวงฝรั่งเศลที่ฝักใฝ่ฝ่ายอังกฤษ  และเป็นเหตุให้โจนถูกตัดสินว่าเป็นพวกนอกรีตเป็นแม่มดและถูกตัดสินให้เผาทั้งเป็น ในปี ค.ศ.1431 ด้วยวัยเพียง 19 ปี

ภาพ โจนออฟอาร์กำลังถูกเผาทั้งเป็นในวัยเพียง 19 ปี

ยี่สิบสี่ปีต่อมาพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ไม่ทรงสามารถที่จะแสดงพระองค์ว่าทรงได้รับอำนาจมาจากผู้ที่ถูกประณามว่าเป็นผู้นอกรีตสมเด็จพระสันตะปาปาคาลิกซ์ตุสที่ 3 จึงทรงมีคำสั่งให้มีตั้งศาลใหม่ในการพิจารณาคดีของโจนออฟอาร์จากการตัดสินของศาลแรก ซึ่งครั้งนี้ ศาลได้สรุปว่าโจนเป็นผู้บริสุทธิ์ และทางวาติกันได้ประกาศให้โจนเป็น" มรณสักขี "(คริสตศาสนิกชนที่ถูกทรมานจนตายเพราะความเชื่อ) และในที่สุด  โจนออฟอาร์ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญในปี ค.ศ.1920  ซึ่งเป็นหนึ่งในสามนักบุญองค์อุปถัมภ์แห่งประเทศฝรั่งเศส



Johannes Gutenberg : โยฮันน์ กูเต็นเบอร์ก (1400-1468)


Johannes Gutenberg : โยฮันน์ กูเต็นเบอร์ก ช่างพิมพ์ชาวเยอรมัน  ผู้คิดค้นเครื่องพิมพ์และเทคนิคการพิมพ์สมัยใหม่  ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในยุคแห่งการฟืนฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) โดยกูเต็นเบอร์กได้ใช้ตัวเรียงโลหะที่สามารถเคลื่อนย้ายและจัดเรียงใหม่ได้  ทำให้สามารถพิมพ์หนังสือจำนวนมากได้อย่างอันรวดเร็ว  เมื่อเทียบกับการพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้แบบเก่า  ซึ่งต่อมาเทคโนโลยีการพิมพ์แบบกูเต็นเบอร์กนี้  ได้แพร่หลายอย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปและทั่วโลก


ภาพ ตัวเรียงพิมพ์โลหะที่สามารถจัดเรียงใหม่ได้ของกูเต็นเบอร์ก

ผลงานที่สำคัญของเขาคือ  การพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิล (Gutenberg Bible) หรือที่เรียกกันว่า " 42-line Bible " ซึ่งถือว่าเป็นต้นฉบับพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มแรกๆที่สวยงามที่สุด (ซึ่งมีมูลค่ามากในตลาดนักสะสมของเก่าในปัจจุบัน) และยังเป็นเหตุให้พระคัมภีร์ไบเบิลแพร่กระจายไปทุกหนแห่งทั่วโลก

Gutenberg เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1468 และถูกฝังอยู่ในโบสถ์ฟรานซิสที่ไมนซ์ (Franciscan church at Mainz) ซึ่งต่อมาสุสานได้ถูกทำลายและหลุมฝังศพของกูเต็นเบอร์กได้สูญหายไปจนถึงปัจจุบันนี้

ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.

ไขปริศนาคดีฆาตกรต่อเนื่องโดย นักฆ่าโซดิแอค

โพสต์แนะนำ

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค (ค.ศ.1632-1723)

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค  นักชีววิทยาชาวดัชท์  ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งจุลชีววิทยาการ " ( the Father of M...

บทความที่ได้รับความนิยม

Kategori

สนับสนุนเว็บไซด์

หนังคาวบอยดี.. ดูฟรี ออนไลน์

Kategori