คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

Martin Luther : มาร์ติน ลูเธอร์ (ค.ศ.1463-1560)


Martin Luther : มาร์ติน ลูเธอร์  บาทหลวงชาวเยอรมัน  ผู้ริเริ่มขวบนการปฏิรูปคริสตศาสนาซึ่งในสมัยนั้นมีแต่นิกายโรมันคาทอลิก (ศตวรรษที่15-16)  มาร์ติน ลูเธอร์ก่อตั้งนิกายลูเธอแรน (Lutheranism) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการโปรเตสแตนต์ (Protestant) ในหลายๆประเทศในยุโรป

มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นลูกของกรรมกรเหมือนแร่ เคยเรียนปรัชญาและกฎหมายมาก่อน..ต่อมามีศรัทธาในศาสนา  เขาจึงได้บวชเป็นบาทหลวงในวัดนิกายออกัสติเนียน(Augustinian Monastery)  และศึกษาเรียนต่อทางเทววิทยาที่มหาวิทยาลัยวินเทนแบร์ก (Wittenburg University) ซึ่งเขาได้เป็นอาจารย์ด้านคัมภีร์ศึกษาที่นั่น  ต่อมา..เมื่อเขาเดินทางไปโรม  มาร์ติน ลูเธอร์ตกใจอย่างมากกับความเสื่อมเสียทางศีลธรรมของพวกบาทหลวงในสมัยนั้น โดยเฉพาะในเรื่องการขายใบไถ่บาป (Sale of Indulgences)  เขาจึงต่อต้านอย่างรุนแรงและได้ประการข้องเรียกร้อง 95 ข้อ(The Ninety-five Theses) ปิดไว้ที่ประตูวิหารวินเทนแบร์ก เพื่อให้มีการปฏิรูปศาสนจักรให้บริสุทธิ์ และไม่ยอมรับในอำนาจของพระสันตะปาปา ซึ่งคำประท้วงของมาร์ติน ลูเธอร์ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเป็นที่สนใจของชาวยุโรปอย่างมาก  อันเป็นเหตุให้  พระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ประกาศคว่ำบาตรเขา  และทำให้มาร์ติน ลูเธอร์ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่แคว้นแซกโซนี่


มาร์ติน ลูเธอร์แปลพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมันอย่างมีพลัง  ทำให้ประชาชนได้ศึกษาไบเบิลโดยตรง  ไม่ต้องผ่านคำอธิบายของบาทหลวง  เขายังเขียนบทแถลงศรัทธาแห่งเอาก์บรูก  เพลงสวด  หนังสือสวดมนต์  และผลงานทางเทววิทยาแนวคิดนิการลูเธอแรน  เผยแพร่ไปทั่วเยอรมันและยุโรปเหนือ  และมีผู้นำไปเผยแพร่ต่อในสหรัฐฯ ในศตวรรษที่ 18-19  โดยนิกายลูเธอแรน (Lutheranism) มีหลักการ 3 อย่าง คือ 1) Salvation by Faith not by Work : การรอดจากบาปโดยอาศัยศรัทธาไม่ใช่การให้ทาน 2) The Ultimate Authority of the Bible : พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  และ3) The Priesthood of all Believers : ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้าล้วนมีความเป็นนักบวชในตนเองเหมือนๆกัน  พระไม่ได้มีความแตกต่างจากฆราวาสทั่วไป   และมาร์ติน ลูเธอร์  ยังมีแนวคิดในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างนิกายหรือองค์การเป็นแบบแนวระนาบที่โบสถ์แต่ละแห่งมีอำนาจปกครองตนเอง  โดยไม่มีองค์การบริหารรวมศูนย์แบบมีลำดับชั้นเหมือนนิกายโรมันคาธอลิก

วาทะกรรม : " ข้าฯ กลัวจิตใจของตนเองมากกว่าของสันตะปาปาและคาร์ดินัลทั้งหลาย  ข้าฯ มีสันตะปาปาที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตัว, นั่นคือ ตัวตนของข้าเอง"

หมายเหตุ 1 : คริสตศาสนาเริ่มมีความเสื่อมตั้งแต่ศควรรษที่ 13 เป็นต้นมา..เริ่มจากที่ศาสนจักรและพระเข้าไปร่วมในสงครามครูเสด (The Crusade War) หรือการที่พระ, บาทหลวงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหรา  ร่ำรวย..ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานะการเป็นนักบวช  การประพฤติผิดศีลธรรม(ทางเพศ)  การทุจริตในงานศาสนา  เช่น  การซื้อขายตำแหน่งพระราชาคณะ  หรือแต่งตั้งพระในตำแหน่งต่างๆโดยไม่คำนึงถึงความรู้  แต่อาศัยความเป็นเครือญาติหรือความสนิทสนมส่วนตัว  ในด้านอื่นเช่น..การที่โบสถ์มีรายได้จากภาษีต่างๆ  จากค่าธรรมเนียมศาล  จากเงินค่าธรรเนียมการประกอบพิธีทางศาสนาและการขายใบไถ่บาป (เริ่มในคศตวรรษที่14) และการครอบครองในที่ดินมากมาย (ในศตวรรษที่16 ศาสนจักรมีที่ดิน 1 ใน 4 ของประเทศเยอรมัน และ 1 ใน 5 ของประเทศฝรั่งเศส) ด้วยเหตุนี้  จึงทำให้ศาสนจักรมีอำนาจทางการเมืองต่อฝ่ายอาณาจักร เป็นต้น

หมายเหตุ 2: เรื่องใบไถ่บาป (ในปี ค.ศ.1517 พระในนิกายโดมินิกัน  นามว่าจอห์น เทตเซล (John Tetzel) ได้ออกเดินทางมาขายใบไถ่บาปในดินแดนเยอรมัน  เนื่องจากพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 (Pop Leo X) ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St.Peter Cathedral) จึงใช้วิธีขายใบไถ่บาป (Indulgence) ให้แก่คริสตศาสนิกชนในดินแดนต่างๆ...โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน)


EmoticonEmoticon

ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.