คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

Lousis XIV : พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (ค.ศ.1638-1751)



Lousis XIV : พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งราชวงศ์บูร์บง (Maison de Bourbon) หรือที่รู้จักกันในพระนามหลุยส์มหาราช (Louis the Great) ในยุคที่ฝรั่งเศสกำลังเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด  โดยพระองค์ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 72 ปี (ค.ศ.1643-1715) นับเป็นกษัตริย์ที่เสวยราชสมบัตินานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงประสูติเมื่อวันที่ 5 กันยายยน ค.ศ.1638  และทรงเป็นรัชยาทสืบราชบัลลังค์ฝรั่งด้วยวัยเพียง 5 พระชันษา (หลังจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ.1642)  ดังนั้น  พระราชินีแอนน์ (Anne of Austria : 1601-1666) พระมารดาจึงรับตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทน  และแต่งตั้งชาวอิตาเลียนชื่อ มาซาริน (Guilio Mazarin) เป็นอัครเสนาบดีใกล้ชิด..ในการปกครองประเทศ  และมาซารินได้นำพาฝรั่งเศสเข้าพัวพันกับสงครามต่อต้านสเปน  ที่ต้องใช้จ่ายเงิน..เพื่อการทำสงครามมากมาย  ดังนั้น  รัฐบาลจึงมีนโยบายให้เพิ่มภาษีอากร  แต่โชคร้ายที่ในปี ค.ศ.1640  ฝรั่งเศสประสบปัญหาด้านกสิกรรม  ชาวนายากจน  อดอยาก  และต้องสูญเสียที่ดิน  จนในที่สุด..จึงเกิดกลุ่มกบฏฟรองด์ (Fronde : 1648-1653) ก่อสงครามกลางเมืองขึ้น  ที่ต่อมาพัฒนาเป็นสงครามชิงอำนาจ..โดยกลุ่มขุนนางปาลมองด์ที่ทะเยอทะยาน  และทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ต้องหลบหนีออกจากปารีสในฤดูหนาวปี ค.ศ.1648-49 และทรงใช้ชีวิตแบบผู้ถูกเนรเทศในชนบทที่ยากลำบาก  ในช่วงวัย 11-13 พรรษา  ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงเริ่มสะสมอำนาจและรอเวลา..ที่จะกลับคืนสู่ราชบัลลังค์อีกครั้ง

ในปี ค.ศ.1661 ภายหลังจากมาซารินสิ้นชีวิตลง  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทรงขึ้นครองราชย์ (ค.ศ.1643-1715) และเนื่องด้วยพระองค์มีบทเรียนมาแล้ว  จากความมักใหญ่ใฝ่สูงของพวกขุนนางทรงศักดิ์  และประชาชนชาวปารีสที่ทรยศ  พระองค์จึงทรงปกครองฝรั่งเศสแบบรวบอำนาจเด็ดขาด  และทำให้ระบบขุนนางอ่อนแอลง โดยการปกครองแบบสมบูรณาสิทธิราชย์ที่ทรงอ้างถึงลัทธิ " เทวสิทธิ์ของกษัตริย์ " (divine-right monarch) ที่คนทั่วๆไปในสมัยนั้นเชื่อกันว่า  กษัตริย์คือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระเจ้า  และพระราชอำนาจของกษัตริย์เป็นอำนาจสูงสุด  ด้วยเหตุนี้  พระมหากษัตริย์จึงมีฐานันดรศักดิ์อยู่เหนือสิ่งใดๆทั้งปวง  นอกจากนี้..พระองค์ยังทรงสร้างพระราชวังแวร์ซาย (Palace of Versailles) ขึ้นเพื่อเป็นที่ทำงานของคณะรัฐบาลของพระองค์และเป็นศูนย์กลางในการปกครอง  โดยทรงย้ายราชสำนักจากพระราชวังลูฟว์ (Louvre Palace) มายังแวร์ซายซึ่งอยู่ห่างจากปารีส 12 ไมล์  ด้วยเพราะทรงไม่ไว้วางใจชาวปารีส

ภาพ  ห้องกระจกในพระราชวังแวร์ซาย

ในด้านการปกครอง เพื่อเป็นการรวบอำนาจเข้ามาอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ให้ได้มากที่สุด  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14  ได้ทรงประกาศยกเลิกสิทธิของเมืองต่างๆที่จะเลือกผู้ปกครองท้องถิ่น ในปี 1692  โดยทรงให้มีการประมูลขายตำแหน่งข้าราชการท้องถิ่น  ในส่วนราชสำนัก  พระองค์ทรงปลดพวกขุนนางสูงศักดิ์ออกจากตำแหน่ง..โดยให้ได้รับบำนาญแทน  และทรงป้อนชีวิตที่หรูหรา  ความฟุ่งเฟ้อ  และการมีอภิสิทธิ์ทางสังคม..ให้เหล่าขุนนางจนลุ่มหลง ดังนั้น  โดยภาพรวม..พวกขุนนางชนชั้นสูงอาจดูเหมือนมีความสำคัญ  แต่ในความเป็นจริง..มีอำนาจน้อยมาก  ซึ่งในทางตรงข้าม  พระเจ้าหลุยส์ทรงจ่ายเงินเดือนและแต่งตั้งชนชั้นกลางให้เข้ามาทำงานบริหารส่วนท้องถิ่นแทน..ซึ่งบรรดาข้าหลวงตรวจการเหล่านี้จะขึ้นตรงต่อพระเจ้าหลุยส์เพียงพระองค์เดียว  ด้วยเหตุนี้  พระองค์จึงทรงรวบอำนาจการปกครองไว้ที่พระหัตถ์ได้ยาวนานถึง 72 ปี

นโยบายต่างประเทศ   ในภาคเหนือขณะที่หมู่รัฐเยอรมันอ่อนแอ  และแตกแยกเป็นแคว้นเล็กๆ  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14  ทรงมีนโยบายสนับสนุนการแยกตัวของแคว้นต่างๆในรัฐเยอรมนี  เพื่อรักษาพรมแดนทางด้านตะวันออกของฝรั่งเศสให้ปลอดภัย  ในขณะที่..อังกฤษมีความวุ่นวายภายในประเทศ  และดัชท์ก็กำลังทำสงครามกับอังกฤษ  ในทางภาคใต้..สเปนก็กำลังอ่อนแอลง..พระเจ้าหลุยส์จึงทรงอ้างสิทธิ์ (Duchy of Brabant) เพื่อทวงคืนแว่นแคว้นคืนจากสเปน  และทำสงครามจนสามารถยึดฟลานเดอร์ส (Flanders) และฟรอง-กองเต (Franche-Comté) จากสเปนได้  และสามารถบุกตีเนเธอร์แลนด์ได้สำเร็จในปี 1678  ในทางภาคเหนือ  กองทัพที่มีแสงยานุภาพของฝรั่งเศสได้มีชัยชนะเหนือเยอรมนีและอิตาลี  และได้ขยายราชอาณาจักรออกไปกว้างไกลกว่ายุคสมัยใด  และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นชาติมหาอำนาจทางทหารที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป

นโยบายศาสนา พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเป็นกษัตริย์ที่เคร่งศาสนามาก  และทรงถือว่าประชาชนฝรั่งเศสจะต้องมีศรัทธาอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย  ดังนั้น  พระองค์จึงทรงใช้สิทธิบังคับให้ประชาชนนักถือศาสนาคาทอริกเหมือนพระองค์

นโยบายเศรษฐกิจ  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมีเสนาบดีคลังคนสำคัญชื่อ โคลแบรท์ (Jean-Baptiste Colbert) ช่วยในการสร้างระบบการพาชิณนิยมที่เข้มแข็งในฝรั่งเศส  ด้วยการตั้งหอการค้าขึ้น (Council of Commerce) ในปี ค.ศ.1664 และ 1700 เพื่อมีหน้าที่ในการช่วยออกกฎหมายด้านการค้าและควบคุมดูแลการค้าทั่วไป เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย  ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการก่อตั้งบริษัทการค้า  และสนับสนุนการค้าภายในประเทศ  โดยมีคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ คือ ดัทช์ที่ผูกขาดการค้าถึง 3 ใน 4 ของการค้าทั้งหมด  ด้วยกองเรือสินค้าของบริษัทอินเดียตะวันออก (Dutch East India Company) ดังนั้นฝรั่งเศสจึงตั้งบริษัทการค้าทางเหนือ (Company of the North) เพื่อค้าขายในแถบทะเลบอลติก (Baltic Sea) ที่ประสบความสำเร็จในช่วงปี ค.ศ.1675-1684  นอกจากนี้..ยังได้จัดตั้งกองพาณิชย์นาวีเพื่อปกป้องเรือส้นค้าฝรั่งเศสด้วย  โดยบริษัทเหล่านี้ใช้เงินทุนส่วนใหญ่ของรัฐ  ทั้งเงินในส่วนพระมหากษัตริย์  และการร่วมลงทุนจากพวกขุนนางข้าราชการและประชาชน  ซึ่งในตอนแรกได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างสูง  แต่ด้วยการบริหารงานของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการที่มีความล่าช้ามาก  ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ  มีการคอรับชั่น  และมักมีการแทรกแทรงจากรัฐบ่อยครั้ง  จึงทำให้การค้าหยุดชงักและประสบความล้มเหลวในบั้นปลาย  ในส่วนการค้าภายในประเทศ  ได้มีการตั้งกำแพงภาษี..เพื่อป้องกันสินค้าเข้าจากต่างชาติ  และรัฐยังได้สนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในลักษณะของสมาคมอาชีพ (Guild) โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่  และทำหน้าที่ควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การทอผ้า  ทำเครื่องแก้ว  ทำกระดาษ  ทำสบู่ และอื่นๆ  จนในที่สุดฝรั่งเศสกลา่ยเป็นศูนย์กลางของสินค้าอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทในยุโรป  แต่ในด้านเกษตรกรรม..รัฐกลับไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

ภาพ  การขยายดินแดนฝรั่งเศส (สีส้ม) ในรัชสมัยของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 

แต่ถึงอย่างไร..ก็ดี  ฝรั่งเศสภายใต้รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็มีความเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจอย่างมาก  และขึ้นชื่อในเรื่องความหรูหรา  ฟุ่มเฟือย  โดยเฉพาะชีวิตในราชวังแวร์ซาย  นอกจากนี้..พระเจ้าหลุยส์ยังเป็นผู้อุปถัมภ์ด้านศิลปวรรณกรรม โดยการสนับสนุนสถาบัน The Académie française และอุปถัมภ์นักเขียน เช่น Molière, Racine และ La Fontaine ด้านศิลปะ เช่น Charles Le Brun , Pierre Mignard , Antoine Coysevox และ Hyacinthe Rigaud ด้านดนตรีและคีตกวี เช่น Jean-Baptiste Lully , Jacques Champion de Chambonnières , และ François Couperin ที่ในปี ค.ศ.1661 ได้ก่อตั้ง Académie Royale de Danse และ Académie d'Opéra ในปี 1669  ที่ต่อมา..ได้กลาบเป็นสถาบันที่พัฒนาศิลปะการเต้นบัลเล่ที่สำคัญของโลก เป็นต้น

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1751 ด้วยโรคติดเชื้อเรื้อรัง พระองค์ได้ทรงประกาศก่อนสิ้นพระทัยว่า " ข้าจะไปแล้ว แต่รัฐของข้าจะคงอยู่ตลอดไป " โดยพระองค์ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 72 ปี กับ 100 วัน นับเป็นกษัตริย์ที่เสวยราชสมบัตินานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป  พระศพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถูกฝังไว้ที่ Saint-Denis Basilica นอกกรุงปารีส  ซึ่งในกาลต่อมา..หลุมพระศพของพระองค์ถูกบุกรุกทำลายในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส


EmoticonEmoticon

ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.