คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

Benedict Spinoza : เบเนดิค สปิโนซ่า (ค.ศ.1632-1667)


Benedict Spinoza : เบเนดิค สปิโนซ่า นักปรัชญาชาวดัชท์  สำนักเหุตผลนิยม (Rationalism) ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับยุคแสงสว่างแห่งปัญญา (Age of Enlightenment : 1650-1700) ของยุโรป  และได้รับการยกย่องว่าเป็นนักคิดทางจริยศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกนี้

เบเนดิค สปิโนซ่า เกิดวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.1632 ในอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) จากครอบครัวชาวยิวจากโปรตุเกส..ที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากอยู่ในฮอลแลนด์ สปิโนซ่าเป็นบุตรคนที่ 3 ของมิเกล สปิโนซา ผู้เป็นพ่อค้าชนชั้นกลางและเป็นผู้ดูแลธรรมศาลาและโรงเรียนชาวยิวในกรุงอัมสเตอร์ดัม  มารดา Ana Débora เสียชีวิตตอนสปิโนซ่าอายุ 6 ขวบ  และพี่ชายเสียตอนเขาอายุ 17 ปี  ต่อมาในปี 1654 บิดากับพี่สาวของเขาก็มาตายจากไปอีก..ในตอนที่เขาอายุ 20 ต้นๆ  จึงทำให้สปิโนซ่ากลายเป็นเด็กกำพร้าและมีชีวิตที่ค่อนข้างยากลำบาก  แต่กระนั้น..เขาก็ได้รับการศีกษาในโรงเรียนของชุมชนชาวยิวในกรุงอัมสเตอร์ดัม (the Talmud Torah congregation of Amsterdam ) และสปิโนซ่าได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านภาษา..อย่างเชี่ยวชาญ  ทั้งภาษาสเปน โปรตุเกส ดัตช์ ละติน กรีกและเยอรมัน  และเขาเริ่มมีความสนใจศึกษาในปรัชญาสมัยใหม่ของ Descartes เมื่อเข้าร่วมในกลุ่มคอลเลเจียนท์ (Collegiants) ซึ่งเป็นสมาคมของผู้มีเสรีทางศาสนา..ที่ต้องการปฏิรูปศาสนาในฮอลแลนด์  โดยในช่วงเวลา..นี้เอง  ที่เขาได้เริ่มเขียนหนังสือทางปรัชญาและศาสนา เช่น " หลักลัทธิเดสการ์ตส์ " (Principles of Cartesianism : 1663)  ศาสตร์นิพนธ์โดยสังเขปว่าด้วยเรื่องพระเป็นเจ้า มนุษย์และความผาสุกของเขา (Short Treatise on God, Man and His Well-Being) และเขียนบรรพแรกของหนังสือ " จริยศาสตร์ " (Ethics) ที่โด่งดัง  ต่อมา.. ในปี ค.ศ. 1656 สปิโนซ่าก็ถูกขับไล่ออกจากชุมชนชาวยิวในอัมสเตอร์ดัม  ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น " อเทวนิยม " และมีคำสั่งห้าม " ไม่ให้คนในชุมชนคบหาสมคมกับสปิโนซ่า ไม่ว่าจะด้วยคำพูด  ด้วยการเขียน  หรือการแสดงไมตรีจิตต่อเขา  และไม่ควรอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับเขาด้วย "  ซึ่งสปิโนซ่าก็ได้แยกตัวออกจากชุมชนไปอย่างสงบ  และเปลี่ยนชื่อเป็นชาวคริสต์ว่า " เบเนดิคต์ สปิโนซ่า "

ภาพ ปกหนังสือ " จริยศาสตร์ " (Ethics) ของสปิโนซ่ในปี 1675

ต่อมา..ในปี 1670 สปิโนซ่าย้ายไปอยู่แถวชานกรุงเฮก (Hague) และประกอบอาชีพเป็นช่างฝนเลนส์ ในปี 1673 เขาได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก (University of Heidelberg) แต่สปิโนซ่าไม่ยอมรับ..เพราะเห็นว่าการเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยนั้น..เป็นการปิดกั้นเสรีภาพทางความคิด  ในปี ค.ศ.1670 สปิโนซ่าได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานเขียนแบบนิรนามเรื่อง ศาสตร์นิพนธ์เกี่ยวกับเทววิทยาการเมือง (Treatise on Religious and Political Philosophy : 1670) และได้เขียนจดหมาย..โต้ตอบกับนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงหลายๆคน เช่น เฮนรีย์ โอลเดนเบิร์ก (นักปรัชญาธรรมชาติชาวเยอรมัน) และ กอทท์ฟรีด วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ (นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ผู้พัฒนาทฤษฏีแคลคูลัส) ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมเยียนสปิโนซาในปี ค.ศ.1676  และในผลงานเขียนสำคัญที่คนทั่วไปรู้จักสปิโนซ่า คือ " จริยศาสตร์ " (Ethicsซึ่งเขาเขียนเสร็จสมบูรณ์ในระหว่างปี 1670-75 โดยหนังสือนี้ได้ตีพิมพ์เผยแพร่หลังการมรณกรรมของเขา  ซึ่งหนังสือ Ethics ได้นำเสนอหลักจริยศาสตร์ในเชิงเลขาคณิต  และการใช้เหตุผลแบบนิรนัย  ซึ่งแบ่งเป็น 5 ภาค คือ 1.ว่าด้วยเรื่องพระเป็นเจ้า 2.ว่าด้วยเรื่องธรรมชาติและต้นกำเนิดของจิต 3.ว่าด้วยเรื่องต้นกำเนิดและธรรมชาติของอาเวค 4.ว่าด้วยเรื่องพันธนาการของมนุษย์ และ 5.ว่าด้วยเรื่องอานุภาพของอัชฌัตติกญาณ (Intuitive Knowledge) เป็นต้น  โดยทั้งหมดนี้..สปิโนซ่าเริ่มต้นจากแนวความคิดทางอภิปรัชญาแบบเอกนิยมเชิงพหู (pluralistic monism) ที่อธิบายด้วยวิธีการให้นิยาม (definition) ของสิ่งที่เห็นแจ้ง (postulate) ซึ่งมีลักษณะที่ชัดแจ้งและเป็นจริงเสมอ  โดยเขาเรียกสิ่งที่เห็นแจ้งเหล่านี้ว่า " สาร " (substance) และเขาได้ให้คำนิยามของ " สาร " ว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่โดยตัวของมันเอง และเป็นสาเหตุของตัวเอง (cause itself)  โดยเราสามารถคิดและเข้าใจมันได้..จากสารัตถะตัวของเอง (essence itself) โดยไม่ต้องผ่านสิ่งอื่นใด (By substance, I mean that which is in itself, and is conceived through itself) นอกจากนี้..สารยังเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขต (infinite) ซึ่งย่อมจะมีมาก่อนสิ่งที่มีของเขต (finite) ทั้งหลาย  และเป็นสาเหตุของตัวเอง (self-caused) คือไม่ต้องอาศัยสาเหตุอื่น  ดังนั้น  มันจึงมีเสรีภาพ  และสารนี้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ก็คือ " พระเจ้า " (God) ซึ่งเป็นนิรันดร์  โดยสิ้งทั้งหลายล้วนเป็นส่วนของพระเจ้า (modification) และเชื่อมสัมพันธ์กันโดยพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้  พระเจ้าและโลกจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  


ภาพ ปกหนังสือ เทววิทยาการเมือง (Treatise on Religious and Political Philosophy : 1670)

แต่กระนั้น..พระเจ้าของสปิโนซ่าไม่เหมือนกับพระเจ้าในศาสนาทั่วๆไป  เพราะเขามองสรรพสิ่งจากมุมมองทางคณิตศาสตร์  หรืออีกนัยหนึ่งคือการมอง..พระเจ้าในฐานะเป็นสิ่งธรรมชาติที่จำเป็นต้องมีอยู่..ซึ่งเป็นสารัตถะ (essence) ของทุกสิ่งในโลกนี้  ดังนั้น  คำสอนในทำนองนี้..จึงจัดเป็นแนวคิดแบบสรรพเทวนิยม (Pantheism)

และในฐานะนักเหตุผลนิยม สปิโนซ่าได้กล่าวถึง..เรื่องชีวิตไว้ว่า " ชีวิตที่ดี คือ ชีวิตที่มีอิสรภาพและดำเนินไปตามหลักของเหตุผล  และถ้าเรามีเหตุผล..โดยไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดที่ผิดหรือมากไปกว่าธรรมชาติแล้ว  คนเราก็จะรักตัวเองและแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ดังนั้น ' ชีวิตอิสระคือชีวิตที่มีเหตุผลและเหตุผล ก็คือ พิชานร่วมกันกับผู้อื่น ' ด้วยเหตุนี้  คำว่า ' เหตุผล ' จึงคือการแลกเปลี่ยนทางความคิดของคนในสังคม  หาข้อผิดถูกร่วมกัน  แล้วตัดสินใจทำตามเหตุผลที่สังคมยอมรับนั้น  ซึ่งการกระทำเช่นนี้..ถือเป็นความดี..อันเป็นความดีของคนทั่วไป  เพราะได้รับเอาความคิดของทุกคนมาปฏิบัติร่วมกัน " สปิโนซ่าได้ใช้ชีวิตอย่างสมถะและทุ่มเทให้กับการเขียนนิพนธ์ทางปรัชญามาโดยตลอด  กระทั้งมรรณกรรมในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1677 ด้วยวัย 45 ปี ที่กรุงเฮก ประเทศฮอลแลนด์


EmoticonEmoticon

ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.