ต่อมาในปี 1489 ไมเคิลแองเจโลได้เข้าเรียนและฝึกงานในสายตระกูลเมดิซิ (Medici) ที่ต่อมาพัฒนาเป็นสถาบันศิลปะหรืออคาเดมี (Academy) อันเป็นโอกาสให้เขาได้ศึกษางานปฏิมากรรมของกรีกและโรมันที่ตระกูลเมดิซีได้สะสมไว้ นอกจากนี้ไมเคิลแองเจโลยังได้สมาคมกับศิลปิน นักปรัชญาและนักกวีคนสำคัญๆในยุคนั้นด้วย ซึ่งได้สร้างอิทธิพลทางความคิดและปรัญชาใหม่ๆ..ที่นำมาผสมผสานเข้ากับการสร้างสรรค์งานศิลปะของตนเอง (ไมเคิลแองเจโลให้ความสำคัญในเรื่องแนวคิดทางศีลปะและปรัชญามากกว่าการสร้างทักษะฝีมือเพียงอย่างเดียว)
ประติมากรรมชื่อ Pieta แปลว่า "ความสงสาร" เป็นรูปพระแม่มารีกับพระบุตร
ในวัย 26 ปี ไมเคิลแองเจโลได้แกะสลักรูปหินอ่อน David ที่แสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามแบบอุดมคติของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) และในปี 1497-1550 เขาได้สร้างงานประติมากรรมชื่อว่า Pieta ที่งดงามอย่างมาก (ปัจจุบันอยู่ในมหาวิหารนักบุญเปโตรที่กรุงโรม) พออายุ 30 ปี เขาได้เป็นผู้ออกแบบหลุมฝังศพให้กับสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ซึ่งใช้เวลานานกว่า 40 ปี และเขียนภาพปูนเปียกบนเพดานวิหารซีสติน (The Last Judgement) ที่มีความวิจิตงดงาม..อันเป็นภาพจากเรื่องราวในพระคริตธรรมคัมภีร์เก่า และไมเคิลแองเจโลยังเป็นหัวหน้าสถาปนิกในการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ด้วย (ซึ่งผลงานทั้งหมดถือเป็นประติมากรรม จิตกรรมและสถาปัตยากรรมชิ้นเองของโลกทั้งสิ้น)
ไมเคิลแองเจโล บูโอนาร์โรตี เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1564 ที่บ้านพักในกรุงโรม ด้วยอายุ 89 ปี ขณะที่แกะสลักงานประติมากรรมหินอ่อนชื่อ Pieta Rondanini ค้างไว้อยู่ ร่างของเขาถูกนำไปฝังไว้ที่โบสถ์ Santi Apostoli ในนครฟลอเรนซ์
วาทะกรรม : " ถ้าหากคนทั้งหลายรู้ว่าผมต้องทำงานหนักมากเพียงไร เพื่อให้เกิดความชำนาญอย่างที่ผมทำได้, มันคงจะดูไมใช่เรื่องน่ามหัศจรรย์อะไรนัก "
EmoticonEmoticon