คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

คุณรู้ไหมว่า...ใครเป็นใคร..? บนโลกใบนี้

Aurelius Marcus : มาร์คัส ออเรลิอุส (ค.ศ. 121-180)


Aurelius Marcus : มาร์คัส ออเรลิอุส  จักรพรรดิผู้มีการศึกษาสูงแห่งโรม และปกครองโรมันร่วมกับ ลูเซียส (Lucius Verus) ในปี ค.ศ 161-169  มาร์คัสเป็นทั้งนักรบนักบริหารและนักปรัชญาคติ Stoic เขาเขียนหนังสือแนวปรัชญาเรื่อง Meditations ซึ่งมาร์คัสยังเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับ Seneca และ  Epictetus ซึ่งอยู่ในกลุ่มนักปรัชญาสสารนิยมแบบ Pantehism (ที่เชื่อว่าความจริงทุกอย่างเป็นเรื่องศักดิสิทธิ  และพระเจ้าอยู่ในธรรมชาติทุกหนทุกแห่งและในจักรวาล)  และมีคำสอนหลัก... คือ  การยอมรับ  มนุษย์สามารถมีความสุขได้โดยการยอมรับกฎของจักรวาล  และพวกเขาพัฒนาระบบจริยธรรมที่สามารถปัฏิบัติได้จริง  และสนับสนุนให้ทุกคนยอมรับ...ทั้งโชคดี..และเคราะห์ร้าย...อย่างสงบ

ภาพ จักรวรรดิโรมันในสมัยมาร์คัส ออเรลิอุส 
อาจเรียกว่า provincially Marcomannia และ Sarmatia 


วาทกรรม : " ถ้าหากคุณทุกข์โศกด้วยอะไรก็ตามที่มาจากภายนอก,  ความเจ็บปวดไม่ได้มาจากสิ่งนั้นโดยตรง  แต่มาจากการที่คุณประเมินค่ามัน  และสิ่งนี้คุณมีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงมันเมื่อไหร่ก็ได้ "

Cai Lun / T'Sai Lung (ค.ศ 50 - 121)


Cai Lun / T'Sai Lung ขันทีในราชวงศ์ฮั่น  ประเทศจีน  ผู้เป็นคนแรกที่ริเริ่มทำกระดาษขึ้นมา  ซึ่งในสมัยโบราณนั้น  การเขียนและการบันทึกต่างๆ  โดยทั่วไป  มักเขียนลงบนไม้ไผ่ หรือ บนผ้าไหมที่เรียกว่าจื้อ แต่เพราะผ้าไหมมีราคาแพงและไม้ไผ่ก็หนักและไม่สะดวกในการเก็บรักษาและพกพา Cai Lun จึงได้ริเริ่มความคิดในการทำกระดาษจากเปลือกของต้นไม้ขึ้น  ซึ่งทำให้สะดวกในการเขียนและจดบันทึก  และช่วยให้ระบบบริหารราชการ  การติดต่อสื่อสาร  และการศึกษามีความก้าวหน้าไปอย่างมาก  จนกระทั้ง 700 ปีต่อมา  ชาวอินเดียและอาหรับจึงลอกเลียนแบบเทคนิกการทำกระดาษแบบนี้ได้  และเผยแพร่ไปในยุโรปในปี ค.ศ. 1700 นั่นเอง

Ptolemy : ปโตเลมี (ค.ศ. 100 - 178)


Ptolemy : ปโตเลมี นักดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ชาวอียิปต์  ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์คนเหนึ่งแห่งเมืองอเล็กซานเดรีย  ซึ่งปโตเลมีได้รวบรวมความรู้ทางด้านดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ไว้มากมาย  และเขียนตำราที่สำคัญ 3 เล่ม  คือ 1) Almagest(ตำราคณิตศาสตร์),2) Geographia หรือ Geography of the Greco-Roman (ตำราภูมิศาตร์) และ 3) Tetrabiblos (ตำราโหราศาสตร์) ที่ใช้กันต่อมาจนถึงศตวรรษที่ 16  จนกระทั้งเมื่อ โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus) มาหักล้างทฤษฎีของปโตเลมีในภายหลังว่า...ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพ  ไม่ใช่โลกที่เป็นศูนย์กลาง  เป็นต้น

ภาพ แผนที่โลกของปโตเลมี  ในศตวรรษที่ 15

ในด้านอื่น...ปโตเลมีได้เขียนแผนที่อธิบายส่วนต่างๆของพื้นโลก  รวมทั้งจีน  อินเดีย ฯลฯ  โดยมีการแสดงเส้นรุ้งและเส้นแวงด้วย  ซึ่งแผนที่ของเขาทำให้โคลัมบัสเชื่อว่ามีเส้นทางที่สามารถไปสู่เอเซียทางทิศตะวันตกได้  และทำให้โคลัมบัสค้นพบทวิปอเมริกาในที่สุด  ตำราด้านดาราศาสตร์ของปโตเลมี  ซึ่งในสมัยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของวิชาคณิตศาสตร์ได้มีการแปลเป็นภาษาอาหรับและละติน  และมีอิทธิพลต่อความรู้ความเชื่อทางด้านดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์อยู่หลายพันปี

วาทกรรม : " เหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นลักษณะทั่วไป  ตามที่พวกเขาถูกวาดและลิขิตไว้มาจากฟากฟ้า "

Epictetus : อิปิคเตตัส (ประมาณ ค.ศ. 55-135)


Epictetus : อิปิคเตตัส นักปราชญ์ชาวกรีก  สำนักสโตอิก  เขาเกิดเป็นทาสในเมือง Hierapolis (ประเทศตุรกีในปัจจุบัน)  อิปิคเตตัสเป็นคนพิการที่ต้องใช้ไม่เท้าช่วยในการเดิน  ซึ่งบางตำราก็ว่า  เขาพิการเพราะถูกเจ้านายใจร้ายทำร้ายเอา  และบางตำราก็ว่าเขามีร่างกายพิการไม่สมประกอบมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว

อิปิคเตตัส เชื่อว่ารากฐานของปรัชญาทั้งหมดนั้น  เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ด้วยตัวของมนุษย์เอง ซึ่่งรัชญาแบบ Epictetus นี้  มีหลักคำสอน.. ที่ให้คนเราวางใจเป็นกลางๆ  ไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องใดๆมากจนเกินไป  ทั้งในเรื่องดีและเรื่องร้าย  แต่มีอุเบกขา (คล้ายกับพุทธเถรวาท) และให้ยอมรับในโชคชะตา  โดยดุษฏี  ไม่ขัดขืน แต่ยินยอมด้วยความชื่นชมยินดี เพราะทุกสิ้งทุกอย่างนั้น...อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ดังนั้น  เราจึงควรจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบ dispassionately และบุคคลควรมีความรับผิดชอบในการกระทำของตนเองทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้  อิปิคเตตัสจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย...อาศัยอยู่อย่างสันโดษเป็นเวลานาน  และตายลงอย่างสามัญชนคนธรรมดา

วาทกรรม : " เราทุกคนเป็นเหมือนนักเดินทางในโรงแรมและบนโต๊ะอาหารของคนแปลกหน้า "

Plutarch : พลูตาร์ช (ค.ศ 46 - 120)


Plutarch : พลูตาร์ช นักปราชญ์และนักเขียนชีวประวัติบุคคลชาวกรีก  ผู้ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นพระในวิหาร Delphi อยู่นานถึง 30 ปี  เขาได้เขียนหนังสือรวมชีวประวัติสั้นๆของบุคคลสำคัญของกรีกและโรม เรื่องโด่งดัง  เช่น Parallel Live และ Moralla เป็นต้น  ซึ่งพลุตาร์ชนับเป็นคนแรกๆที่เขียนหนังสือชีวประวัติพร้อมกับการตีความ...ถึงบุคลิกของคนและเปรียบเทียบความดีและเลวของคนไว้อย่างน่าสนใจ  ซึ่งงานเขียนของเขาได้มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมตะวันตกมามาอีกนาน  โดยเฉพาะต่อ วิลเลี่ยม  เชคสเปียร์

ในทางปรัชญา พลูตารช์เป็นพวก Platonism (พวกนิยมในเพลโต)ที่เชื่่อในเรื่่องโลกแห่งมโนคติ (World of Ideas) หรือโลกของแบบ  แต่ถึงกระนั้นพลูตารช์ก็เปิดรับในคำสอบแบบ Peripatetic ของอริสโตเติลด้วย  โดยเฉพาะในเรื่องที่ว่า  โลกและจักรวาลมีพระเจ้าเป็นปฐมเหตุที่ทำให้มีการเคลื่อนไหว  แต่พระเจ้ามิได้เป็นผู้สร้างโลกและจักวาล  เป็นต้น

วาทกรรม : " จิตวิญญาณนิรันดร์หลังจากการตาย  เป็นเสมือนนกในกรงที่ได้รับการปลดปล่อย  ซึ่งถ้าอยู่ในร่างกายนาน  ก็จะเชื่องด้วยกิจกรรมและนิสัยที่ยาวนานแห่งชีวิต  และทันทีที่่ได้กกลับสู่ร่างกายอีกครั้ง  ก็จะกลายเป็นผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับปัญหาแห่งโลกนี้ "

Paul, Saint : นักบุญปอล (ราวๆปี ค.ศ.10 - 67)

ภาพนักบุญปอล  วาดโดย Bartolomeo Montagna

Paul, Saint : นักบุญปอล หรือ เปาโล  อัครสาวกคนสำคัญคนหนึ่งของพระเยซูคริสต์ (ไม่ได้เป็นหนึ่งใน 12 สาวกใกล้ชิดพระเยซูตั้งแต่แรก)  แต่เขาเคยเป็นนักบวชชาวยิวที่เคยข่มเหงและเข่นฆ่าคริสเตียนมาก่อน...ที่จะมาถือศาสนาคริสต์ (หลักจากตกจากหลังม้าระหว่างเดินทางไปเมืองดามัสกัส) และเป็นผู้เขียนจดหมายสิบสี่ฉบับ  ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ (New Testament) ซึ่งปอลได้เดินทางไปเผยแพร่คำสอนของพระเยซูในหมู่คนที่เป็นชาวยิวอย่างกว้างขวางและในคนต่างชาติด้วย  และคำสอนหลักที่เขาอธิบายว่าสานุศิษย์และผู้ที่เชื่อในพระเยซูไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหรือบทบัญญัติของชาวยิวอีกต่อไปนั้น  ได้ทำให้ศาสนาคริสต์กลายเป็นศาสนาสากลที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

ภาพ ปอลตกจากหลังม้าระหว่างเดินทางไปดามัสกัส

วาทกรรม : " คนทั้งปวงที่พึ่งการทำตามบทบัญัติก็ถูกสาปแช่งเพราะมีเขียนไว้ว่า ขอแช่งทุกคนที่ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติ  เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าพระเจ้าไม่มีใครถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมได้โดยบทบัญญัติ  เพราะว่าคนชอบธรรมดำรงชีวิตโดยความเชื่อ บทบัญญัติไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ... พระคริสต์ทรงไถ่เราพ้นจากคำสาปแช่งของบทบัญญัติ  โดยทรงรับคำสาปแช่งแทนเรา... เพื่อว่าพระพรที่มีแก่อับราฮัมจะมาถึงคนต่างชาติโดยทางพระเยซูคริสต์..." กาลาเทีย 3:10-14

Jesus : พระเยซูคริสต์ (4 ก่อน ค.ศ.- ค.ศ 30 )

ภาพ  กระจกสีในวิหารที่  St John the Baptist Anglican Church 

Jesus : พระเยซูคริสต์ หรือ พระเยซูชาวนาซาเร็ธ  ศาสดาของศาสนาคริสต์  ประสูติที่เบธเลเฮม แคว้นยูเดีย ในยุคสมัยที่อิสราเอลถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมัน  เมื่อพระชนมายุ 30 ก็ทรงออกเผยแพร่คำสอนเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า  ในแทบตะวันออกกลางและชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  พระเยซูมีหลักคำสอนที่สำคัญ คือ ให้ทุกคนรักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง  ซึ่งทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลติดตามพระองค์เป็นจำนวนมาก  จนทำให้พวกฟาริสี(นักบวชชาวยิว)เกรงกลัวว่าศาสนจักรและพวกตนจะสูญเสียอำนาจในเยรูซาเร็มจึงได้พยายามกดดันให้ผู้ปกครองชาวโรมันลงโทษพระเยซูคริสต์ด้วยการตรึงไม่กางเขนจนสิ้นพระชนม์  แต่สานุศิษย์ของพระเยซู 12 คนก้ได้เผยแพร่หลักธรรมคำสอนออกไปกว้างไกล  จนในปัจจุบันนี้  คริสตศาสนาเป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดในโลก

ภาพ คำเทศนาบนภูเขา  วาดโดย Carl Heinrich Bloch


วาทกรรม : " มนุษย์คนหนึ่งจะได้ผลตอบแทนอะไร  ถ้าหากเขาเอาชนะโลกทั้งโลกได้  แต่ต้องสูญเสีัยจิตวิญาณของตนเอง "

ติดตามผ่าน FACEBOOK

Video Of Week : เส้นทางนักบุกเบิก สตีฟ จ๊อบส์

Live Currency Cross Rates


The Forex Quotes are powered by Investing.com.

ไขปริศนาคดีฆาตกรต่อเนื่องโดย นักฆ่าโซดิแอค

โพสต์แนะนำ

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค (ค.ศ.1632-1723)

Anton Van Leeuwenhoeh : ลีเวนฮุ๊ค  นักชีววิทยาชาวดัชท์  ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น " บิดาแห่งจุลชีววิทยาการ " ( the Father of M...

บทความที่ได้รับความนิยม

Kategori

สนับสนุนเว็บไซด์

หนังคาวบอยดี.. ดูฟรี ออนไลน์

Kategori