Sir Isaac Newton : เซอร์ ไอแซก นิวตัน นักปรัชญาธรรมชาติ นักคณิตศาสตร์และนักฟิสกส์ชาวอังกฤษ ผู้วางรากฐานของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ในช่วงปี 1665-1666 และได้รับการยกย่องให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทรงอิทธพลมากที่สุดของโลกนี้
เซอร์ ไอแซก นิวตัน เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1643 ที่วูลส์ธอร์พ (Woolsthorpe) หมู่บ้านเล็กๆในชนบท..เขตลินคอล์นเชียร์ (Lincolnshire) ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวเจ้าของที่ดินที่ไม่ใหญ่โตนัก โดยบิดาได้เสียชีวิตก่อนเขาเกิด 3 เดือน เล่ากันว่า เมื่อแรกเกิดนิวตันมีตัวเล็กมาก เพราะเป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนด ซึ่งมารดานางฮานนาห์ อายส์คัฟ (Hannah Ayscough) ไม่คิดว่าเขาจะรอดชีวิตได้ เธอกล่าวว่า..เขาตัวเล็กกระจ้อยร่อย..จนสามารถเอานิวตันไปใส่ไว้ในเหยือกควอร์ทได้ (ขนาดประมาณ 1.1 ลิตร) แต่กระนั้น..นิวตันก็รอดชีวิตมาได้ และเมื่อเขาอายุ 3 ขวบ มารดาของเขาก็แต่งงานใหม่ และทิ้งนิวตันไว้ให้มาร์เกรีย์ อายส์คัฟ (Margery Ayscough) คุณยายของนิวตันเป็นผู้เลี้ยงดู ซึ่งนั้น..ทำให้เขาไม่ค่อยลงรอยกัน..กับมารดาและพ่อเลี้ยงเรื่อยมา ในวัยเด็ก..นิวตันค่อนข้างเป็นเด็กบอบบาง เขาไม่ชอบเล่นอะไรที่ต้องใช้กำลังกายมากนัก แต่เขามักประดิษฐสิ่งต่างๆไปเล่นกับเพื่อนๆเสมอ นอกจากนี้เขายังสามารถปั้นรูปจำลองต่างๆได้ดีอีกด้วย
เมื่อนิวตันอายุ 12 - 17 ปี เขาเข้าเรียนที่คิงส์สกูล แกรนแฮม (King's School Grantham) ต่อมาในปี 1659 เมื่อมารดาเป็นหม้ายครั้งที่ 2 นิวตันต้องกลับบ้านเกิด..และถูกมารดาบังคับให้..เขาทำงานในฟาร์ม ซึ่งได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดาเก่า แต่นิวตันเกลียดการเป็นชาวนา ซึ่งครูใหญ่ที่คิงส์สกูลได้ช่วยพูดโน้มน้าวให้มารดาของนิวตัวส่งเขากลับไปเรียนต่อให้จบ และแรงผลักดันครั้งนี้เอง ส่งผลให้นิวตันกลายเป็นนักเรียนที่ขยันขันแข็งและมีผลการเรียนสูงที่สุด..ในคิงส์สกูล
ภาพ การกระจายของแสงผ่านแท่งแก้วปริซิม (Prism) จนเกิดเป็นแสงสีรุ้ง (Spectrum)
ในปี ค.ศ.1661 นิวตันได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยทรินิตี้ เคมบริดจ์ (Trinity College Cambridge) ในฐานะซีซาร์ (sizar : คือทุนเรียนแบบที่นักศึกษาต้องทำงานไปด้วย..เพื่อแลกกับที่พัก..อาหารและค่าธรรมเนียม) โดยวิทยาลัยในยุคนั้น..ยังคงใช้การเรียนการสอนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดของอริสโตเติล..เป็นหลัก ซึ่งนิวตันไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่..แต่เขากลับชอบศึกษาในแนวคิดของนักปรัชญาสมัยใหม่ เช่น เดส์การ์ตส์ และนักดาราศาตร์ เช่น โคเปอร์นิคัส, กาลิเลโอและเคปเลอร์มากกว่า ดังนั้น ในช่วงเวลา..ที่นิวตันศึกษาในเคมบริดจ์จึงไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากนัก กระทั้ง..จบการศึกษาได้รับปริญญาตรีในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1665 และในปี ค.ศ. 1664-65 ก่อนที่นิวตันจะได้รับปริญญาโท ก็เกิดกาฬโรคระบาดอย่างรุนแรงไปทั่วกรุงลอนดอน ทางมหาวิทยาลัยจึงถูกสั่งปิด ดังนั้น เหล่านักศึกษาจึงต่างแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาเดิม..ซึ่งนิวตันก็ได้เดินทางกลับวูลส์ธอร์พบ้านเกิด และในช่วงเวลา 2 ปีสำคัญ ที่นิวตันได้ศึกษาด้วยตัวเองที่บ้านในวูลส์ธอร์พ..กลับได้สร้างคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่..ให้กับวงการวิทยาศาสตร์โลก..เพราะเขาสามารถค้นพบทฤษฏีที่สำคัญ 3 เรื่องด้วยกัน
ผลงานสำคัญ : ชิ้นแรก..นิวตันได้ค้นพบวิชาคณิตศาสตร์แขนงใหม่ที่เรียกกันว่า " แคลคูลัส " (Calculus) ซึ่งก่อนหน้านี้ กาลิเลโอได้แสดงวิธีหาแรงจากการเคลื่อนที่ของวัตถุไว้เพียงคราวๆเท่านั้น ที่ต่อมาเดส์การ์ทส์ได้เอาสมการทางพีชคณิต..มาช่วยในการคำนวณเกี่ยวกับจุดและเส้นตามวิธีการของกาลิเลโอนั้น..ให้ง่ายเข้า แต่ก็ไม่ได้อธิบายใว้อย่างละเอียด..มากนัก กระทั้ง..ในปี ค.ศ.1665 ที่นิวตันได้แสดงถึงวิธีคำนวณเกี่ยวกับเส้นโค้งและพื้นที่ ที่เขาเรียกว่า " Method of fluxions " ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ " Differential and Integral Calculus " ซึ่งเขาได้ทดลองคำนวณเกี่ยวกับพื้นที่ Hyperbola อย่างละเอียด..จนได้ทศนิยมถึง 52 ตำแหน่ง นอกจากนี้..นิวตันยังค้นพบทฤษฏีทวินาม (Binomial Theorem) และวิธีการกระจายอนุกรม (Method of expression) ของพีชคณิตอีกด้วย
ผลงานชิ้นที่สอง นิวตันได้ค้นพบธรรมชาติของแสง คือ ในวันหนึ่ง..เมื่อเขากำลังทดลองฝนเลนส์เพื่อจะทำเป็นกล้องโทรทัศน์ใช้ดูสิ่งต่างๆ โดยไม่ให้มีสีแทรก เขาได้พบว่า..เมื่อเอาแท่งแก้วรูปสามเหลี่ยม (Prism) ในห้องที่มืดสนิท ให้แสงผ่านรูเล็กๆของฝาผนังเข้ามาตกกระทบบนแท่งแก้วปริซิม..เมื่อแสงทะลุผ่านแท่งแก้วปริซึม แสงแดดจะถูกขยายออกเป็นแสง 7 สี ได้แก่ สีม่วง, คราม, น้ำเงิน, เขียว, เหลือง, แสดและสีแดง ที่เรียกกันว่าสีรุ้ง (Spectrum) ซึ่งนิวตันได้พยายามอยู่นาน..ที่จะทำให้เลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์..ปราศจากสีรุ้งหรือสีแทรก แต่ในที่สุด เขาก็พบว่าไม่สามารถทำได้สำเร็จ ถ้า..เขายังจะสร้างกล้องโทรทัศน์โดยใช้เลนส์แบบหักเหแสงอยู่ ดังนั้น เขาจึงหันไปสร้างกล้องโทรทัศน์แบบสะท้อนแสงแทน โดยใช้เลนส์เว้าทำหน้าที่แทนเลนส์วัตถุ ส่วนเลนส์ตาใช้คงใช้เลนส์นูนตามเดิม ซึ่งนิวตันได้สร้างกล้องโทรทัศน์ขนานยาว 6 นิ้ว ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของกระจกเว้า 1 นิ้ว และกำลังขยาย 40 เท่าได้สำเร็จ ซึ่งกล้องโทรทัศน์ของนิวตันได้กลายต้นแบบ ที่ต่อมา..ได้ถูกพัฒนาเป็นกล้องโทรทัศน์ขนิดหักเหแสงในปัจจุบันนี้ เช่น กล้องพาราโบลา (Parabolar) ขนาดเส่้นผ่าศูนย์กลาง 200 นิ้ว ของหอดูดาว California Institute of Technology บนยอดเขาพาโลมาร์ (Mount Palomar) ในแคลิฟอร์เนีย เป็นต้น
หลังจากประสบความสำเร็จในการค้นคว้าเกี่ยวกับแสงอาทิตย์แล้ว ในปี ค.ศ.1667 นิวตันได้รับเชิญเป็นอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์แคลคูลัสที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตในปี ค.ศ.1672 และเป็นประธานราชสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งลอนดอน (Royal Society) ในปี ค.ศ.1703 และเขายังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโรงกษาปณ์ในปี 1699 ด้วย แต่ถึงกระนั้น..ฐานะของนิวตันก็ไม่ได้ร่ำรวยขึ้น..อย่างที่คนทั่วๆไปคิด เพราะเขาได้ใช้จ่าย..รายได้ส่วนใหญ่..หมดเปลืองไปในการศึกษาและทดลองทางวิทยาศาสตร์อยู่ตลอดเวลา
ภาพ ต้นฉบับหนังสือ " Principia " ของนิวตัน ในปี ค.ศ.1667
ผลงานชิ้นที่สาม นิวตันได้ค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง (Law of Gravitation) คือ ในคืนวันหนึ่ง..ที่จันทร์เต็มดวง และท้องโปล่งสวยงามมาก นิวตันกำลังนั่งชมจันทร์อยู่.,และครุ่นคิดไปด้วยว่า..เหตุใดหนอ ? ดวงจันทร์จึงต้องหมุนรอบโลกด้วย ในทันใด เขาก็ได้ยินเสียงลูกแอ็ปเปิลตกลงสู่พื้นดิน..จึงเกิดคำถามในใจขึ้นว่า..ทำไม ? แอ็ปเปิลจึงไม่ลอยขึ้นข้างบนบ้าง ? และแรงใด..? ที่กระทำให้ลูกแอ็ปเปิลตกลงพื้น ดังนั้น นิวตันจึงเริ่มทดลอง..โดยเอาก้อนหินเล็กๆผูกไว้ที่ปลายเชือกข้างหนึ่ง ส่วนอีกปลายหนึ่งใช้มือจับไว้..แล้วแกว่งโดยแรง ปรากฏว่าก้อนหินนั้นหมุนไปได้รอบๆตัวของเขา..โดยไม่หลุดลอยไป จากการทดลองนี้เอง ที่ทำให้เขาได้ความคิดว่า..ที่ก้อนหินไม่หลุดลอยออกไป..ก็เพราะแรงดึงที่ปลายเชือกนั่นเอง ดังนั้น เขาจึงสรุปได้ว่า..เหตุที่ลูกแอ็ปเปิลตกลงสุ่พื้นดิน..ก็เนื่องจากแรงดึงดูดของโลก ซึ่งเป็นแรงเดียวกันที่ " ดึง " ดวงจันทร์เอาไว้ให้โคจรรอบโลกเป็นวงรี และอธิบายอีกว่า..วัตถุต่างๆในเอกภพต่างก็มีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน โดยแนวคิดนี้..มีผลคำนวณที่ยืนยันให้สมบูรณ์ขึ้น เมื่อ..นิวตันได้เขียนจดหมายโต้ตอบกับโรเบิรต์ ฮุก และจากกฎนี้เอง..ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลัง..ใช้เป็นหลักการในการคำนวณการยิงจรวดออกไปนอกโลกได้ (คือ หากต้องการให้จรวดหลุดพ้นจากแรงดึงดูดของโลก..ไปสู่อวกาศได้ ต้องเพิ่มความเร็วจรวดเป็น 15 กม./วินาที ) นอกจากนี้..นิวตันยังค้นพบกฎของการเคลื่อนที่ (Laws of Motion) อีกด้วย และตีพิมพ์หนังสือจำนวน 3 เล่มที่ชื่อว่า " Principia " หรือ (Philosophiae Naturalis Principia Mathematica) ในปี ค.ศ. 1666-1667 ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์..จนถึงปัจจุบัน
ด้วยความสามารถและความดีของนิวตันที่อุทิศตน..เพื่อวงการวิทยาศาสตร์มาอย่างสม่ำเสมอ สมเด็จพระนางเจ้าแอนน์ (Queen Anne) แห่งอังกฤษได้พระราชทางยศชั้นอัศวิน (Knight) ในตำแหน่งท่านเซอร์ (Sir) แก่นิวตั้นในปี ค.ศ.1705 และในปั้นปลายชีวิต นิวตันอยู่ในการดูแลของหลานสาว โดยที่เขาอยู่เป็นโสด..และไม่ได้แต่งงานเลย กระทั้ง..วันที่ 20 มีนาคม ค.ศ.1727 นิวตันก็ถึงแก่กรรมลงอย่างสงบ ด้วยอายุ 85 ปี ซึ่งรัฐบาลอังกฤษได้ยกย่องเกียรติของเขา..โดยนำร่างของเขาไปฝังไว้ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey)
วาทะกรรม : " ถ้าหากว่าข้าฯ เห็นได้ไกลกว่าใคร นั่นก็เป็นเพราะข้าฯ ได้อาศัยที่ยืนอยู่บนไหล่ของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย "