เบคอนเป็นคนหัวก้าวหน้ากว่าในยุคสมัยของตน (ในช่วงเวลาที่ศาสนจักรมีอำนาจมากและครอบงำทางคิดของคนทั่วไป) และแม้ว่า...เบคอนจะเป็นภิกขาจาร คณะฟรานซิสกัน เขาก็ยังได้ศึกษาภาษากรีก ฮีบรูว์และอาหรับ เพื่อค้นคว้าในพระคัมภีร์ต่างๆจนแตกฉาน และสนใจในวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอย่างมาก ดังนั้น เขาจึงเป็นคนแรกๆที่พยายามอธิบายเทววิทยาและศาสนาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยเขากล่าวว่า...ปัญญากับความเชื่อ/ศรัทธาเป็นสิ่งเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนนอกรีตและดูหมิ่นศาสนา จนเป็นเหตุให้ถูกศาสนจักรตัดสินจำคุกนานถึง 14 ปี
ภาพ สำเนาทฤษฎีการใช้เลนส์ซ้อนกันของเบคอน
ในหนังสือ Opus tertium เบคอนได้เขียนไว้ว่า " วิทยาศาสตร์ทุกสาขาจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันทั้งนั้น และต่างก็ให้สาระสำคัญต่อส่วนรวม วิทยาศาสตร์แต่ละสาขา ต่างก็ดำเนินไปตามขอบเขตของธรรมชาติ และไม่มีวิทยาศาสตร์สาขาใดที่จะแยกออกจากกันอย่างเด็ดขาดได้เลย และเป็นที่รวมแห่งความรู้ของธรรมชาติโดยสมบูรณ์ " และเบคอนยังได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาวิทยาศษสตร์ไว้ว่า " สิ่งที่เป็นรากฐานในการศึกษาวิทยาศาสตร์ ก็คือ การทดลอง และความรู้ทางคณิตศาสตร์ ถ้าปราศจากทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะเจริญขึ้นไม่ได้ "
เบคอนยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักประดิษฐ์ด้วย เช่นการทำแว่นขยาย โดยการใช้เลนส์ซ้อนกัน ซึ่งเบคอนเป็นผู้ที่เริ่มใช้กล้องโทรทัศน์ก่อนกาลิเลโอ เขายังประดิษฐ์แว่นสายตาให้แก่ผู้ที่มีสายตายาว, ค้นคว้าสูตรผสมดินปืน, ค้นพบก๊าซไฮโดเจนจากการละลายในกรด, คิดค้นเรื่องบอลลูน, และกลไกที่ช่วยให้มนุษย์บินได้ และเขายังสนับสนุนในทฤษฎีเรื่องโลกกลม และเสนอว่ามนุษย์เราสามารถเดินเรือรอบโลกได้ แต่กระนั้น...ความคิดของเบคอนก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจากคนในยุคสมัยเดียวกัน แต่ในเวลาต่อมา แนวคิดของเขามีได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ กล้องส่องทางไกล เครื่องจักรไอน้ำ เครื่องบิน ในยุคต่อๆมา
EmoticonEmoticon